โปรดเกล้าฯ สถาปนา "สมเด็จพระสังฆราชเจ้า"

28 ก.ค. 2562 | 15:46 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ก.ค. 2562 | 06:54 น.

ราชกิจจานุเบกษา แพร่ประกาศโปรดเกล้าฯ สถาปนาสมเด็จพระสังฆราชเจ้า 2 องค์ 'สมเด็จพระญาณสังวร' ขึ้นเป็น สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวง เช่นเดียวพระอัฐิสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ ระบุแม้เสด็จสิ้นพระชนม์ไปแล้วแต่พุทธบริษัททุกหมู่เหล่า ยังเฝ้ารำลึกถึงพระเดชพระคุณอยู่มิเสื่อมคลาย

 

วันที่ 28 ก.ค.2562 ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศเรื่อง สถาปนาสมเด็จพระสังฆราชเจ้า ความว่า

 

โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูรกิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า โดยที่ทรงพระราชอนุสรณ์คำนึงถึง

 

1. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสน์ วาสโน) สมเด็จพระสังฆราช วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ที่ทรงเป็นพระราชอุปัธยาจารย์มีพระคุณูปการอย่างยิ่งแด่พระองค์ เมื่อคราวทรงผนวชได้ถวายพระโอวาทานุศาสน์ให้ทรงเข้าพระราชหฤทัยในหลักพระพุทธศาสนาอย่างซาบซึ้ง และยังทรงเป็นสมเด็จพระอุปัชฌายะของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อัมพร อมฺพโร) สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายกพระองค์ปัจจุบัน นับว่าทรงดำรงอยู่ในฐานะอภิปูชนียบุคคลแห่งพระมหากษัตริย์และสมเด็จพระสังฆราชผู้ทรงเป็นศิษย์ ทรงยินดีในเนกขัมมปฏิบัติเป็นอจลพรหมจริยาภิรัตยั่งยืนนานตลอดพระชนมชีพ ทรงกอปรด้วยพระศีลาจารวัตรบริสุทธิ์บริบูรณ์มิหวั่นไหวต่อโลกามิส ทั้งพระฉันทจริตก็เพียบพูนด้วยสมณคุณธรรม ยากจะหาผู้ใดเสมอ ทรงพระปรีชาญาณยิ่งยวดในการประพันธ์ทรงพระสุตญาณลึกซึ้งสามารถในธรรมวิจารณธรรมวินิจฉัยได้ถูกต้องเด็ดขาด ทรงบริหารคณะสงฆ์และการพระศาสนาให้เจริญก้าวหน้ามาโดยลำดับ ในที่สุดทรงดำรงตำแหน่งสกลมหาสังฆปริณายกนานถึง 14 ปี ทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจใหญ่น้อยเพื่อยังประโยชน์แก่พุทธจักรและอาณาจักรอย่างไพศาล

 

แม้เสด็จสิ้นพระชนม์ไปแล้วนับแต่วันที่ 27 สิงหาคม พุทธศักราช 2531  แต่พุทธบริษัททุกหมู่เหล่าก็ยังเฝ้ารำลึกถึงพระเดชพระคุณอยู่มิเสื่อมคลาย และบัดนี้ได้เป็นที่ประจักษ์ว่า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ(วาสน์ วาสโน) สมเด็จพระสังฆราช ทรงเป็นคารวสถานปูชนียเจดีย์แห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ ตลอดถึงมวลพุทธบริษัททั่วสกลราชอาณาจักร สมควรจะสถาปนาพระเกียรติยศพระอัฐิขึ้นเป็น สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวง เพื่อเป็นศรีศุภมงคลแด่พระบวรพุทธศาสนาและเป็นที่เฉลิมพระราชศรัทธาสืบไป

 

จึงมีพระบรมราชโองการโปรดสถาปนาพระอัฐิ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสน์ วาสโน)สมเด็จพระสังฆราช ขึ้นเป็น สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวง มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่าสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ ธรรมาภรณคุณวิจิตรปฏิภาณ สุขุมธรรมวิธานธำรงอริยวงศาคตญาณวิมล สกลมหาสังฆปริณายก ตรีปิฎกคัมภีรญาณบัณฑิต วชิราลงกรณนริศหิโตปัธยาจารย์วาสนภิธานสังฆวิสุต พุทธบริษัทคารวสถาน นิทัศนนิทาน นิพนธปรีชา ปาวจนุตตมโสภณ ภัทรผลสาธารณูปการ วิบุลศีลสมาจารวัตรสุนทร สรรพคณิศรมหาสังฆาธิบดี ศรีสมณุดมบรมบพิตร

 

2. สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงเป็นพระราชกรรมวาจาจารย์ มีพระคุณูปการอย่างยิ่งแด่พระองค์ ทั้งเมื่อครั้งที่ทรงผนวชและที่ทรงลาสิกขาแล้วได้ทรงสอนพระธรรมวินัยและคิหิปฏิบัติ ถวายให้ทรงเข้าพระราชหฤทัยอย่างลึกซึ้ง นับว่าทรงดำรงอยู่ในฐานะอภิปูชนียบุคคลแห่งพระมหากษัตริย์ ทรงยินดีในเนกขัมมปฏิบัติเป็นอจลพรหมจริยาภิรัตยั่งยืนนานตลอดพระชนมชีพ ทรงกอปรด้วยพระศีลาจารวัตรบริสุทธิ์บริบูรณ์มิหวั่นไหวต่อโลกามิสทั้งพระฉันทจริตก็เพียบพูนด้วยสมณคุณธรรมยากจะหาผู้ใดเสมอ ทรงพระสุตญาณลึกซึ้งสามารถในธรรมวิจารณธรรมวินิจฉัยได้ถูกต้องเด็ดขาด ทรงบริหารคณะสงฆ์และการพระศาสนาให้เจริญก้าวหน้ามาโดยลำดับ ในที่สุดทรงดำรงตำแหน่งสกลมหาสังฆปริณายกนานถึง 24 ปี ทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจใหญ่น้อยเพื่อยังประโยชน์แก่พุทธจักรและอาณาจักรอย่างไพศาล แม้เสด็จสิ้นพระชนม์ไปแล้วนับแต่วันที่ 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2556 แต่พุทธบริษัททุกหมู่เหล่าก็ยังเฝ้ารำลึกถึงพระเดชพระคุณอยู่มิเลือนหายและบัดนี้ได้เป็นที่ประจักษ์ว่า สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) สมเด็จพระสังฆราช ทรงเป็นคารวสถานปูชนียเจดีย์แห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ ตลอดถึงมวลพุทธบริษัททั่วสกลราชอาณาจักร

 

สมควรที่จะสถาปนาพระเกียรติยศพระอัฐิขึ้นเป็น สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงเพื่อเป็นศรีศุภมงคลแด่พระบวรพุทธศาสนา และเป็นที่เฉลิมพระราชศรัทธาสืบไป

 

จึ่งมีพระบรมราชโองการโปรดสถาปนาพระอัฐิ สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) สมเด็จพระสังฆราช ขึ้นเป็น สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวง มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่าสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร วชิราลงกรณ ราชาภินิษกรมณาจารย์ สุขุมธรรมวิธานธำรง อริยวงศาคตญาณวิมล สกลมหาสังฆปริณายก ตรีปิฎกปริยัติธาดา วิสุทธจริยาธิสมบัติสุวัฑฒนภิธานสังฆวิสุต ปาวจนุตตมพิสาร วชิรญาณวงศวิวัฒ พุทธบริษัทคารวสถาน วิจิตรปฏิภาณพัฒนคุณ วิบุลสีลาจารวัตรสุนทร สรรพคณิศรมหาสังฆาธิบดี ศรีสมณุดมบรมบพิตร

 

การนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เจ้าพนักงานจัดฉัตรตาดเหลือง 5 ชั้น ถวายกางกั้นพระรูปบรรจุพระสรีรางคาร ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และวัดบวรนิเวศวิหารกับทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้แบ่งพระอัฐิบรรจุลงพระโกศทองคำ เชิญมาประดิษฐานในหอพระนาก วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อเป็นที่ทรงสักการบูชาและทรงบ าเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวายในพระฐานะพระบุพการีทางธรรมสืบไป

 

ขอให้พระเกียรติคุณวิบุลยศ ปรากฏแผ่ไพศาลไปในสากลจักรวาล ตราบจิรัฏฐิติกาลนิรันดร เทอญ

 

ประกาศ ณ วันที่ 28 กรกฎาคม พุทธศักราช 2562 เป็นปีที่ 4 ในรัชกาลปัจจุบัน

 

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี