กรมท่าอากาศยาน เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนครั้งที่ 1 ในโครงการศึกษาความเหมาะสมในการจัดตั้งสนามบินนครปฐม รับไพเวทเจ็ท ค่า1พันล้านบาท โดยจะเดินหน้ารวบรวมความเห็นก่อนเสนอครม.เปิดpppลงทุน
ทั้งนี้กรมท่าอากาศยานได้ว่าจ้างบริษัท อินทิเกรเทด เอนจิเนียริ่ง คอนซัลแทนท์ จำกัด และบริษัท ธารา คอนซัลแทนท์ จำกัด ศึกษาความเหมาะสมในการจัดตั้งสนามบินนครปฐม ซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมและสะดวกในการเดินทาง เนื่องจากมีการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมที่สำคัญ ได้แก่ โครงการมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี (M81) โครงการวงแหวนถนนรอบนอกกรุงเทพมหานคร รอบที่ 3 (M91) โครงการมอเตอร์เวย์สายชลบุรี – สระบุรี – นครปฐม (M92) โดยมีเกณฑ์หลักในการพิจารณา ประกอบด้วย ความสะดวกรวดเร็วในการเข้าถึงโครงข่ายคมนาคม ความเหมาะสมทางวิศวกรรม ลักษณะพื้นที่ ภูมิประเทศ สิ่งกีดขวาง เขตปลอดภัยในการเดินอากาศ การใช้งานห้วงอากาศยานร่วมกับท่าอากาศยานโดยรอบ ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และการใช้ประโยชน์ที่ดินของพื้นที่และบริเวณโดยรอบ
นางอัมพวัน วรรณโก อธิบดีกรมท่าอากาศยาน เปิดเผยว่า ความคืบหน้าแผนลงทุนก่อสร้างท่าอากาศยานส่วนบุคคล (General Aviation) ขณะนี้บริษัทที่ปรึกษาได้ส่งรายงานผลการศึกษาโครงการมาแล้วพบว่าสถานที่เหมาะสมจะพัฒนาอยู่บริเวณ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม พื้นที่ 3,120 ไร่ วงเงินลงทุนราว 1,000 ล้านบาท สำหรับรูปแบบการลงทุนจะใช้แนวทางเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการภาครัฐ (พีพีพี) คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี โดยอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 50 กม.พร้อมมีระบบขนส่งสาธารณะเชื่อมต่อครบครันทั้งถนนสายหลักและระบบราง
สำหรับแผนลงทุนดังกล่าวจะประกอบด้วยรันเวย์ ลานขับเครื่องบิน อาคารผู้โดยสารและหลุมจอด เป็นต้น ขณะนี้อยู่ระหว่างออกแบบรายละเอียดและแนวทางการลงทุน ก่อนเร่งสรุปผลศึกษาเสนอไปยังกระทรวงคมนาคมและที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป สำหรับแผนดังกล่าวจะสามารถแก้ไขปัญหาความแออัดภายในสนามบินหลักอย่างดอนเมืองและสุวรรณภูมิลงได้ โดยแยกเป็นประเภทเที่ยวบินขนาดเล็กเฉพาะกลุ่มให้มาใช้บริการที่นี่
"สนามบินนี้เป็นแห่งแรกของประเทศ ไทย เชื่อมต่อการเดินทางสะดวก เพื่อรองรับเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว สำหรับนักธุรกิจทั้งชาวไทย จีน ญี่ปุ่น และฮ่องกงรวมถึงชาวยุโรป ที่ในปัจจุบันมีความต้องการใช้บริการเป็นจำนวนมาก" นางอัมพวัน กล่าว