ใต้เงาตึกสูงที่พาดผ่านและโอบล้อมสถานที่ซึ่งใครเดินทางผ่านไปผ่านมา ต่างชะเง้อมองให้ถึงที่สุดเท่าที่สายตาสามัญชนคนหนึ่งจะกระทำได้ เพื่อจะได้เห็นเงาไม้ใหญ่หนึ่งในศูนย์กลางที่หลอมรวมจิตใจผู้คนย่านปทุมวันและประชาชนทั้งประเทศ “วังสระปทุม” การเดินทางร่วมกับสื่อมวลชนร่วม 30 ในกิจกรรม “ราชาเป็นสง่าแห่งแคว้น” ซึ่งจัดโดย KTC PR Press Club ทำให้เราได้มีโอกาสสัมผัสเกร็ดเรื่องราวของราชวงศ์ไทย ที่แฝงเร้นอยู่ภายใต้เงาร่มไม้ใหญ่แห่งนี้
[caption id="attachment_37455" align="aligncenter" width="500"]
พระตำหนักใหญ่ มุขทิศตะวันตก[/caption]
แต่เดิมนั้นวังสระปทุมเกิดขึ้นจากความมุ่งหวังของรัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชประสงค์ให้พระราชโอรสมีที่ดินสร้างพระตำหนักของตนเอง จึงทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อที่ดินบริเวณนี้พระราชทานแด่สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในกาลนั้นสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าจึงทรงดำเนินการออกแบบและก่อสร้างร่วมกับ Mr.Paolo Remedi สถาปนิกชาวอิตาลี ผู้รับราชกาลในกรมโยธาธิการสมัยรัชกาลที่ 6 พระตำหนักใหญ่วังสระปทุมที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้าของเราจึงเป็นอาคารสูงสองชั้น สีเหลืองสด สไตล์ทัสคานี สถาปัตยกรรมชนบทของอิตาลีที่ผสมผสานให้เข้ากับภูมิอากาศของประเทศไทย อาจารย์นัท - จุลภัสสร พนมวัน ณ อยุธยา วิทยากรผู้มีเรื่องเล่าทุกย่างก้าวเล่าให้เราฟังว่า การปลูกอาคารใหญ่บนที่ลุ่มของคนไทยสมัยก่อนไม่มีการตอกเสาเข็มแต่จะใช้ท่อนซุงมาขัดกัน ใช้โอ่งใบใหญ่มารองที่ฐาน สำหรับพระตำหนักใหญ่วังสระปทุมนั้นถือเป็นอาคารกลางทุ่ง สร้างบนผืนดินที่อุ้มน้ำและยังเป็นที่ดินติดลำคลองสำคัญหลายสายทั้งคลองอรชรและคลองแสนแสบ ฐานของอาคารจึงเป็นโครงเรือขนาดใหญ่ มีน้ำหล่อเลี้ยงไว้ด้านล่างเพื่อให้ตัวอาคารสามารถปรับระดับได้เล็กน้อยเมื่อน้ำใต้ดินสูงขึ้น ส่งผลให้ตัวอาคาร ซึ่งมีความกว้าง 22 เมตร ยาว 40 เมตร และสูงจากพื้นดิน 13.50 เมตร หลังนี้มีห้องใต้ดินจากโครงเรือที่สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าเคยใช้เป็นที่หลบภัยเมื่อครั้งเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2
[caption id="attachment_37457" align="aligncenter" width="500"]
เฉลียงพระตำหนักชั้นบน[/caption]
เล่ากันว่าสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าทรงใช้ไม้ขีดไฟบ้าง หางพลูบ้าง ทำเป็นผนัง คิดผังพระตำหนักด้วยพระองค์เอง และด้วยพระปรีชาในเรื่องทิศทางลม อาคารก่ออิฐถือปูนหลังนี้มีการออกแบบหน้าต่างและระเบียงโดยรอบ รับลมเย็นและกลิ่นหอมฟุ้งจากต้นแก้วที่พร้อมใจออกดอกกันเต็มต้นตลอดทั้งวัน สำหรับเครื่องเรือนต่างๆ นั้นสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าทรงเลือกแบบและสั่งซื้อจากห้าง Maple & Co. ในประเทศฝรั่งเศสและอิตาลีเพื่อให้สมพระเกียรติสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม ผู้เป็นพระราชโอรสแห่งรัชกาลที่ 5 แต่เครื่องเรือนของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าในห้องส่วนพระองค์นั้น พระองค์ทรงให้ช่างฝืมือชาวไทยเป็นผู้จัดทำให้ทั้งหมด แต่ยังคงเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ที่สง่างามตามแบบสากลและอบอุ่นแบบไทยแท้ ซึ่งสามารถชมได้ที่ห้องมุมซ้ายสุดบนชั้นสองของพระตำหนัก
[caption id="attachment_37456" align="aligncenter" width="500"]
ห้องทรงพระสำราญ[/caption]
และด้วยพระปรีชาด้านงานเย็บปักถักร้อยของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า อันเป็นที่พระจักษ์ในวังหลวง จนมีการตั้งโรงทอสวนหงษ์ในพระราชวังดุสิต การเข้าชมพระตำหนักใหญ่วังสระปทุมเรายังมีโอกาสได้ชมงาน “ผ้าปักลายนกกะเรียน” ที่งดงามทรงคุณค่าข้ามผ่านกาลเวลามากกว่าครึ่งศตวรรษ
[caption id="attachment_37454" align="aligncenter" width="500"]
ห้องทรงพระอักษร[/caption]
อีกหนึ่งความประทับใจที่พลาดไม่ได้และสะกดให้เราใช้เวลาอยู่ที่นี่นานที่สุดคือ “ห้องนิทรรศการ” ห้องที่จดหมายจากลูกชายคนหนึ่งเขียนถึงผู้เป็นมารดา เล่าเรื่องราวของผู้หญิงที่เขารักและความเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงเพื่อให้แม่ของพระองค์ เห็นใจ เข้าใจ และรับผู้หญิงที่เขารักและห่วงใยยิ่งเป็นภรรยา ซึ่งผู้หญิงที่กล่าวถึงในจดหมายเขียนด้วยลายมือสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล จะเป็นใครไม่ได้เลยนอกจาก สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี สมเด็จย่าของปวงชนชาวไทย
[caption id="attachment_37453" align="aligncenter" width="500"]
ห้องบรรทมพระพันวัสสา[/caption]
เนื่องด้วยวังสระปทุมเป็นที่พระทับของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี การเปิดให้เข้าชมจึงพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า พระตำหนักใหญ่วังสระปทุม จึงเปิดให้บริการเพียง 104 วันต่อปี คือระหว่างวันที่ 18 ธันวาคม ถึง 31 มีนาคม ของทุกปี ตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่มาก ลองจัดสรรเวลาใส่เรื่องราวสาระความรู้อันทรงคุณค่ากันดูนะคะ ก่อนไปอย่าลืมนัดหมายกับเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าที่หมายเลข 02-252-1965-7 ก่อนออกจากบ้านอย่าลืมสำรวจการแต่งกายให้เรียบร้อย สตรีสวมกระโปรงหรือผ้าซิ่น ห้ามแต่งกายสีดำล้วน สีขาวดำ เสื้อไม่มีแขน และกางเกงขาสั้นนะคะ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,139 วันที่ 13 - 16 มีนาคม พ.ศ. 2559