‘ธุรกิจที่ปรึกษา’สู่ยุคถดถอย ‘เอ็มเฟค’แก้เกมหนุนพนักงานตั้งสตาร์ตอัพ

08 มี.ค. 2560 | 08:00 น.
กระแสเทคโนโลยี-ธุรกิจเปลี่ยนเร็ว ทำธุรกิจเอสไอ ถดถอย“เอ็มเฟค” ปรับทิศมุ่งลงทุนธุรกิจใหม่ ร่วมพนักงานตั้ง “สตาร์ตอัพ” ลงทุนไอทีธุรกิจ “สื่อ-บันเทิง” และแบ่งรายได้ร่วมกัน หวังรักษายอดเติบโตปีละ 15%

การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ทำให้ภาคธุรกิจจำเป็นต้องมีการปรับตัวเพื่อความอยู่รอด ไม่เว้นแต่ธุรกิจทางด้านเทคโนโลยี อย่างธุรกิจผู้ให้บริการคำปรึกษา พัฒนา และวางระบบไอที หรือ เอสไอ ที่ต้องมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโต และสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ

นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็มเฟค (MFEC) ผู้ให้บริการคำปรึกษา พัฒนา และวางระบบไอทีองค์กรภาครัฐและเอกชนรายใหญ่ เปิดเผยกับ”ฐานเศรษฐกิจ”ว่าการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีและรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ทั้งการให้บริการคลาวด์ และฟินเทค ทำให้ธุรกิจให้บริการคำปรึกษา พัฒนา และวางระบบไอที หรือ เอสไอ เริ่มชะลอการเติบโต โดยประเมินว่าหลังจากนี้จะชะลอตัวลงปีละ 10-20% บริษัทจึงต้องมองหา หรือลงทุนในธุรกิจใหม่ เพื่อรักษาการยอดเติบโตธุรกิจของบริษัทเอาไว้ปีละ 15%

โดยในปีนี้มองว่านโยบายประเทศไทย 4.0 ของภาครัฐที่สนับสนุนอุตสาหกรรมไอทีอย่างชัดเจน รวมถึงธุรกิจสตาร์ตอัพ และเชื่อว่าจะมีงานใหม่ไหลเข้าสู่ตลาดอีกเป็นจำนวนมาก จึงเป็นโอกาสของเอ็มเฟคในการปฏิรูปหรือทรานส์ฟอร์มวิธีการบริหารจัดการภายในองค์กรเพื่อรองรับกับโอกาสทางธุรกิจที่เกิดขึ้น พร้อมผลักดันองค์กรให้มีรายได้และกําไรเติบโตต่อเนื่องในทุกปี เพื่อสร้างองค์กรให้แข็งแกร่ง และเติบโตอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้เอ็มเฟคได้กำหนดกลยุทธ์ธุรกิจไว้ 2 มิติ คือ 1.ใช้เทคโนโลยียกระดับหรือพัฒนาธุรกิจที่เปลี่ยนไป และ 2.สร้างกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์และมีศักยภาพ โดยทำให้องค์กรเป็นเครือข่ายเชื่อมโยง เพื่อที่จะแลกเปลี่ยนและพัฒนาทักษะร่วมกันจนประสบความสำเร็จ

นายศิริวัฒน์ กล่าวต่อไปอีกว่าบริษัทมีนโยบายเป็น Corporate Venture Capital (CVC) ให้กับพนักงานที่พร้อมจะแตกตัวออกไปเป็นบริษัทสตาร์ตอัพ ซึ่งมีความเสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนในบริษัทสตาร์ตอัพทั่วไป อีกทั้งเป็นการกระตุ้นให้พนักงานมีความคิดสร้างสรรค์ ร่วมรับผิดชอบกับความเติบโตและยั่งยืนของบริษัท และยังเป็นโอกาสความก้าวหน้าในสายอาชีพของพนักงานอีกด้วย นอกจากนี้ปลายปีที่ผ่านมาเอ็มเฟคได้ตั้งบริษัท เพลย์ทูเรียม โซลูชั่นส์ จำกัด
(Playtorium Solutions) ขึ้นมา โดยเข้าถือหุ้นสัดส่วน 70% ของทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.5 ล้านบาท โดยการดำเเนินธุรกิจหลักของบริษัทดังกล่าวนั้นจะมุ่งให้บริการทดสอบซอฟต์แวร์แบบครบวงจร และ “Crowd Testing” พร้อมทั้งให้บริการจัดหาบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านไอที ต่างๆ เพื่อทำงานในโครงการตามที่ลูกค้าต้องการ เพื่อจะทำให้บริษัทสามารถขยายฐานธุรกิจให้กว้างขวางมากขึ้นรวมถึงเสริมสร้างความเป็นผู้นำในธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศให้แข็งแกร่ง และมีศักยภาพในการแข่งขันในตลาด ขณะที่ผลตอบแทนด้านการเงินนั้น คาดว่า บริษัทดังกล่าวจะเริ่มทำกำไรให้บริษัทตั้งแต่การดำเนินงานปี 2560

“เรากำลังเริ่มก้าวไปทำในสิ่งที่เราไม่รู้มาก่อน ซึ่งมองว่าการที่เราไม่รู้จะเป็นการสร้างความได้เปรียบการแข่งขัน โดยเราจะใช้ความสามารถทางด้านไอที ไปร่วมลงทุนจด้านไอทีให้ลูกค้า ในธุรกิจทางด้านสื่อและเอนเตอร์เทนเมนต์ และแบ่งสัดส่วนรายได้กันในอนาคต”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,241 วันที่ 5 - 8 มีนาคม พ.ศ. 2560