แบงก์เดินหน้าขยายสินเชื่อบัตรเครดิต-บุคคล มองอานิสงส์รัฐเร่งติดตั้งเครื่องอีดีซี ดันความต้องการผู้ใช้-ร้านค้าเพิ่ม"ธนชาต"ตั้งเป้าโตคงค้างสินเชื่อ 10-15%เร่งออกบัตรใหม่ 5 หมื่นใบ "กรุงศรีฯ" มองยอดใช้จ่ายเด้งรับเครื่องรูดบัตรโตขึ้น 5%
นางธีรนุช ขุมทรัพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ พัฒนาผลิตภัณฑ์ลูกค้ารายย่อย ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ“ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจสินเชื่อรายย่อยในปีนี้ ธนาคารตั้งเป้าเติบโต 10-15% คาดว่าสินเชื่อคงค้างภายในสิ้นปีจะอยู่ที่ 1.5 แสนล้านบาท
ธนาคารจะเน้นเติบโตสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันในปีนี้มากขึ้น ทั้งในส่วนของสินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล เนื่องจากนโยบาย National e-Payment ของรัฐบาลที่กำลังขับเคลื่อนที่จะมีการติดตั้งเครื่องรับบัตร (EDC) เพิ่มเติมจำนวน 5.5 แสนเครื่อง จะเพิ่มจำนวนร้านค้ามากขึ้น ซึ่งทำให้มีความต้องการของผู้ถือบัตรใหม่เพิ่มจำนวนขึ้น
ดังนั้นธนาคารจึงหันมาเติบโตสินเชื่อไม่มีหลักประกันปีนี้ โดยตั้งเป้าออกบัตรใหม่จำนวน 5 หมื่นใบ เติบโต 8-10% จากฐานลูกค้าปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 5 แสนใบ และตั้งเป้าเติบโตสินเชื่อคงค้าง 10-15%
จากปัจจุบันยอดสินเชื่อคงค้างสินเชื่อไม่มีหลักประกันรวม 2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นยอดสินเชื่อคงค้างบัตรเครดิต 8,000 ล้านบาท และสินเชื่อส่วนบุคคลจำนวน 1.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากพอร์ตสินเชื่อไม่มีหลักประกันยังน้อยจึงเป็นโอกาสที่จะขยายการเติบโตได้อีกมาก
ทั้งนี้ภายใต้กลยุทธ์การนำเสนอสิทธิประโยชน์จูงใจผ่านบัตร 3 รูปแบบ ได้แก่ บัตรเครดิตไดร์ฟ บัตรแมกซ์ และบัตรลีฟนอกจากนี้ธนาคารจะขยายความร่วมมือกับร้านค้าใหม่ๆ ที่ตรงกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ลูกค้าให้มากขึ้น ซึ่งนอกเหนือจากการขยายร้านค้ารับบัตรตามแนวนโยบายของรัฐบาล
ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ในกลุ่มสินเชื่อไม่มีหลักประกัน ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 5% ซึ่งแนวโน้มอาจจะปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่อยู่ในอัตราที่ทรงตัวจากการควบคุมของธนาคารที่ทำได้ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการคัดกรองก่อนอนุมัติสินเชื่อ ทำให้เอ็นพีแอลอยู่ในระดับทรงตัว
ขณะที่สินเชื่อที่อยู่อาศัย มองว่าปีนี้อาจจะขยายตัวไม่มาก ซึ่งธนาคารพยายามจะรักษาส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) โดยตั้งเป้าเติบโต 2 หลัก จากพอร์ตสินเชื่อคงค้างปัจจุบันอยู่ที่ 1 แสนล้านบาท คาดว่าในสิ้นปีจะอยู่ที่ 1.1 แสนล้านบาท
ทั้งนี้กลุ่มที่คาดว่ายังขยายตัวได้ดี จะอยู่ในพื้นที่กทม.-ปริมณฑล
ส่วนต่างจังหวัดยังพอมีความต้องการส่วนหนึ่ง โดยธนาคารจะใช้ทีมงานไดเร็กต์เซลส์อยู่ตามโครงการที่อยู่อาศัย รวมถึงให้พนักงานสาขาที่มีอยู่กว่า 600 แห่ง กระจายการดูแลและหาลูกค้า รวมถึงขยายความร่วมมือกับผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (ดีเวลล็อปเปอร์) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีพันธมิตรรายใหญ่มากกว่า 20-30 ราย
สำหรับเงินฝาก หากมองแนวโน้มจะเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่ได้ปรับขึ้นจะอยู่ที่ 1.5% แต่สินเชื่อขยายตัวเพิ่มขึ้น จะเห็นธนาคารพาณิชย์ในระบบเร่งระดมเงินฝาก โดยออกโปรดักต์เงินฝากระยะสั้นและยาวในช่วงไตรมาสที่ 2 มากขึ้น ซึ่งในส่วนของธนาคารธนชาตจะมีผลิตภัณฑ์ Smart Solution ที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูงถึง 1.8% ต่อปี เมื่อผูกบัญชีพร้อมเพย์และบัญชีฟรีเวอร์ไม่มีค่าธรรมนียมการทำธุรกรรมการเงิน ซึ่งตั้งเป้าเงินฝากเติบโตสอดคล้องกับการขยายตัวของสินเชื่อ
นายฐากร ปิยะพันธ์ ประธานกรรมการ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ กล่าวว่า ภายหลังจากธนาคารต่างๆ ทยอยติดตั้งเครื่องรูดบัตรตามนโยบายภาครัฐ 5.5 แสนจุด เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตให้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยประมาณ 5% หรืออยู่ในกรอบ 5-15% ของยอดใช้จ่ายทั้งระบบที่มีมูลค่ากว่าล้านล้านบาท
สำหรับเป้าหมายปีนี้ กรุงศรีฯ ตั้งเป้าออกบัตรใหม่ 8.7 แสนใบ จากฐานบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลรวม 7.8 ล้านใบ คาดว่าภายในสิ้นปีจะมียอดบัตรใหม่เพิ่มขึ้นสุทธิ 2 แสนใบ ทำให้ฐานบัตรเพิ่มเป็น 8 ล้านใบ ขณะที่ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรตั้งเป้าเติบโต 13% จากปัจจุบันมียอดใช้จ่ายเฉลี่ยทั้งพอร์ตอยู่ที่ 5,800-5,900 บาทต่อบัตรต่อคน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,239
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม พ.ศ. 2560