ล็อกซเล่ย์ผนึกพันธมิตรลุยสินค้าสุขภาพ ขายผ่านออนไลน์-โฮเรกาดันยอดโต10%
ล็อกซเล่ย์เทรดดิ้ง เตรียมทุน 100 ล้านต่อยอดธุรกิจสร้างการเติบโตต่อเนื่อง ล่าสุดผนึกสเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เปิด LTSI สร้างแบรนด์สินค้าสุขภาพและความงามขายผ่านออนไลน์ พร้อมเดินหน้าขายสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่นสู่ช่องทางโฮเรกา ดันเป้าโต 10% จากปีที่ผ่านมาปิดยอด 2,800 ล้าน
นางโกสุม สินเพิ่มสุขสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ล็อกซเล่ย์เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ในเครือบริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ในปี 2560 ได้เตรียมงบลงทุน 100 ล้านบาท สำหรับการเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจและรองรับการแข่งขัน รวมถึงสร้างการเติบโตให้กับบริษัท ซึ่งเงินลงทุนดังกล่าวจะเป็นการขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ที่มีโอกาสและศักยภาพในการเติบโต โดยไม่จำกัดรูปแบบการลงทุน ทั้งการร่วมทุน การซื้อกิจการ และการขยายธุรกิจเอง
สำหรับธุรกิจใหม่ในปีนี้ บริษัทได้ร่วมทุนกับ ดร.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น จำกัด ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จัดจั้งบริษัท ล็อกซเลย์เทรดดิ้งสเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น จำกัด หรือ LTSI ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาทในสัดส่วนที่เท่ากัน เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าด้านสุขภาพและความงาม ซึ่งจะขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก ซึ่งการขยายตลาดเข้าสู่สินค้ากลุ่มสุขภาพและความงาม เนื่องจากตลาดมีโอกาสเติบโตจากเทรนด์ของสังคมไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ปัจจุบันตลาดเครื่องสำอางในประเทศมีมูลค่าถึง 8 หมื่นล้านบาท มีอัตราการเติบโตถึง 14% และมีการขายผ่านช่องทางออนไลน์ถึง 5,000 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซมีมูลค่ารวมถึง 2.2 ล้านบาท
"สินค้าแบรนด์ใหม่จะเปิดตัวในช่วงวันวาเลนไทน์นี้ โดยจะขายผ่านช่องทางออนไลน์ก่อน เนื่องจากไม่ต้องการแบกรับความเสี่ยงจากการวางจำหน่ายผ่านช่องทางร้านค้า ส่วนการที่บริษัทเข้ามาสู่การจำหน่ายสินค้ากลุ่มเสริมอาหาร เพราะตลาดเติบโตดีและเป็นเทรนด์ของสังคมไทยที่กำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ และปัจจุบันคนให้ความสนใจใส่ใจในการดูแลตัวเอง ส่วนสินค้าอาหารอุปโภคบริโภคทั่วไป ถือว่าตลาดมีการแข่งขันสูง มีการแข่งจัดโปรโมชั่นหนักมาก ทั้งซื้อ 2 แถม 1 ซื้อ 1 แถม 1 และมาร์จินในการทำธุรกิจก็น้อย"
สำหรับเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในปีนี้ น่าจะเติบโตประมาณ 10% จากปีที่ผ่านมาที่ทำยอดขายได้ 2,800 ล้านบาท ซึ่งผลการดำเนินงานในรอบปีที่ผ่านมาเติบโต 15% ถือว่าทำได้ดีกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งเป็นยอดขายจากกลุ่มสินค้าหลัก 95% และธุรกิจใหม่ที่เพิ่มเข้ามาอีก 5% ปัจจัยที่ทำให้ยอดขายได้ตามเป้าหมายเป็นผลจาก ยอดขายน้ำมันถั่วเหลืองที่เพิ่มมากขึ้นเนื่องจากปีที่ผ่านมาผลผลิตปาล์มมีจำนวนน้อยจากปัญหาภัยแล้ง ทำให้ราคาปาล์มใกล้เคียงกับราคาถั่วเหลือง ผู้บริโภคจึงหันมาซื้อน้ำมันถั่วเหลืองมากขึ้น
นางโกสุม กล่าวอีกว่า ปัจจัยสร้างการเติบโตในปีนี้จะมาจาก 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. การขยายสินค้าเข้าสู่ช่องทางโฮเรกา ซึ่งได้วางแผนขายสินค้าผ่านช่องทางอี-คอมเมิร์ซเพิ่มเติมด้วย และ 2. ธุรกิจสินค้าสุขภาพและความงาม ซึ่งคาดว่าจะทำยอดขายคิดเป็นสัดส่วน 30% ขณะเดียวกันตามแผนธุรกิจในระยะ 5 ปี บริษัทน่าจะทำยอดขายเท่าตัวหรือมียอดขายรวม 5,000 ล้านบาท จากการขยายไปสู่ธุรกิจออนไลน์และธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคต
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,225 วันที่ 8 - 11 มกราคม 2560