ศึกไก่ทอด 1.7 หมื่นล้านระอุ น้องใหม่เกาหลี ‘อูรี ชิกเก้นท์’ ท้าชิงตลาด
ตลาดไก่ทอดกว่า 1.7 หมื่นล้านเมืองไทยระอุ น้องใหม่ “อูรี ชิกเก้นท์” ชิมลางเปิดสาขาแรกย่านมีนบุรี ชูจุดเด่นไก่เกาหลีแท้ 100% พร้อมบริการแบบเดลิเวอรี่ และเน้นขยายสาขารูปแบบแฟรนไชส์ วางเป้า 1 ปี ขยายครบ 10 สาขา ก่อนขึ้นแท่นแบรนด์ในใจผู้บริโภคในอนาคต
นางสาวทิติยา สัมมา ผู้บริหารร้านและเจ้าของแบรนด์ไก่เกาหลี อูรี ชิกเก้นท์WOORI CHICKEN KOREA เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากแนวโน้มธุรกิจร้านอาหารเกาหลีในเมืองไทยที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่นิยมรับประทานอาหารเกาหลีในชีวิตประจำวันมากขึ้น จึงได้เปิดร้านไก่เกาหลี อูรี ชิกเก้นท์ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาบนถ.หทัยราษฎร์ ย่านมีนบุรี ซึ่งถือเป็นร้านไก่เกาหลีแท้ 100% ที่พัฒนาแบรนด์ขึ้นมาเอง และได้รับเสียงตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายที่เป็นครอบครัว คนวัยทำงาน และเด็กเล็ก เป็นอย่างดี โดยเมนูเด่นของร้านคือเมนูไก่เกาหลี ที่มีให้เลือก 2 รสชาติ คือรสดั้งเดิม (แบบเผ็ด) และรสน้ำผึ้งกระเทียมสำหรับเด็ก“ต้องยอมรับว่าช่วงแรกทีเริ่มจะเข้ามาทำตลาดมีความกังวลว่าความนิยมในตัวเมนูไก่เกาหลีว่าจะเป็นอาหารแฟชั่นที่ไปเร็วมาเร็วเหมือนอาหารบางชนิดหรือไม่ แต่จากการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคแล้วพบว่า ปัจจุบันคนไทยเริ่มรับประทานอาหารเกาหลีรวมถึงเมนูไก่ทอดเกาหลีเป็นอีกมื้อหลักในชีวิตประจำวันมากขึ้น ทำให้เรามองเห็นโอกาสทางการตลาดและศักยภาพในการเติบโตของกลุ่มธุรกิจร้านอาหารเกาหลีในเมืองไทยจึงเกิดเป็นร้านดังกล่าวขึ้นมา”
สำหรับแผนการทำตลาดนับจากนี้จะให้ความสำคัญในการขยายสาขารูปแบบของแฟรนไชส์ โดยใช้เม็ดเงินลงทุนเบื้องต้นเริ่มต้นที่ 3 แสนบาทต่อสาขา (ขึ้นอยู่กับพื้นที่และรูปแบบของร้าน) เบื้องต้นปัจจุบันมีผู้สนใจเข้ามาติดต่อเป็นจำนวนมากซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยว่าจะสามารถขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์สาขาแรกได้ในช่วงต้นปีหน้า ทั้งนี้วางเป้าหมายช่วง 1 ปีนับจากนี้จะจะสามารถขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์เฉพาะในเขตกรุงเทพทั้งสิ้นราว 10 สาขา
นอกจากนี้ยังได้ขยายธุรกิจในรูปแบบของการซัพพอร์ตวัตถุดิบของกลุ่มอาหารเกาหลี ไม่ว่าจะเป็นกิมจิ หัวไชเท้าดอง ซอสไก่เกาหลี ฯ ให้แก่ร้านอาหารต่างๆ เบื้องต้นปัจจุบันมีกลุ่มลุกค้าที่เป็นรับวัตถุดิบจากทางร้านทั้งร้านอาหารเกาหลี ญี่ปุ่นทั้งสิ้น 5 แบรนด์ โดยอนาคตมีแผนงานที่จะขยายตลาดกลุ่มดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากกลุ่มวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหารเกาหลีในปัจจุบันไม่จำกัดเฉพาะในร้านอาหารเกาหลีเท่านั้น หากแต่ร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านอาหารในรูปแบบฟิวชั่นต่างๆก็มีความต้องการในการใช้วัตถุดิบเหล่านี้ภายในร้านทั้งสิ้น ดังนั้นจึงมองเห็นช่องทางและโอกาสทางการตลาด
ขณะที่แผนการทำตลาดนับจากนี้จะให้ความสำคัญของการสร้างแบรนด์ผ่านช่องทางออนไลน์ โยเฉพาะในช่องทางเฟซบุ๊ก เนื่องจากสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลายและตรงจุด โดยจะมีการจัดโปรโมชั่นกิจกรรมต่างๆตามช่วงเทศกาลสำคัญ นอกจากนี้ยังร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ อาทิ ดีแทค ในการจัดโปรโมชั่นลดราคา หรือเมื่อซื้อครบตามจำนวนที่กำหนด รับฟรีเมนูพิเศษทันที ควบคู่กับการเปิดให้บริการในรูปแบบเดลิเวอรี่เพื่อรองรับความต้องการสำหรับลูกค้าที่ไม่สะดวกในการเข้ามารับประทานที่ร้านอีกด้วย โดยช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาสามารถสร้างยอดขายเฉลี่ยเดือนละ8 หมื่น-1 แสนบาท ขณะที่เป้าหมายในอนาคตคือการก้าวสู่ความเป็นแบรนด์ในใจผู้บริโภค เหมือนแบรดน์ไก่ทอดชั้นนำที่เคยทำตลาดมาก่อนหน้านี้
“เดิมแบรนด์ของเราไม่มีหน้าร้านแต่จะให้บริการในรูปแบบเดลิเวอรี่ในช่วงแรก ซึ่งถือเป็นช่วงของการสร้างแบรนด์และขยายฐานลูกค้า เมื่อพบว่าแบรนด์สามารถอยู่ได้และเป็นที่ต้องการของตลาดจึงได้เปิดเป็นสาขาแรกย่านมีนบุรีขึ้น ขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันพบว่ามักจะนิยมสั่งไก่เกาหลีของทางร้านแบบเดลิเวอรี่ในช่วงเร่งรีบหรือทดลองทานเป็นครั้งแรกเท่านั้น หากแต่ครั้งต่อไปเมื่อชื่นชอบรสชาติแล้วมักจะเข้ามารับนั่งรับประทานภายในร้านมากกว่า เนื่องจากรสชาติและความสดใหม่มีมากกว่า ดังนั้นการนำบริการแบบเดลิเวอร์เข้าไปมาใช้ภายในร้าน จึงเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการขยายฐานลูกค้ามากกว่า”
อย่างไรก็ตามปัจจุบันตลาดฟาสต์ฟูด หรือ “คิวเอสอาร์” (Quick Service Restaurants )มีมูลค่ารวมมากกว่า 3.4 หมื่นล้านบาทต่อปีในเมืองไทย เป็นตลาดที่เติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10% ทุกปีซึ่งเซกเมนต์ที่ใหญ่ที่สุดในไทยคือกลุ่มไก่ทอด ที่มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 1.4-1.7 หมื่นล้านบาท หรือมากกว่า 40% จากตลาดรวมคิวเอสอาร์ และมีอัตราการเติบโตกว่า 11% มากกว่าตลาดรวมที่เติบโต 9% เมื่อเทียบกับเซกเมนต์อื่นๆ อีก เช่น “เบอร์เกอร์” มูลค่า 5,800 ล้านบาท เติบโต 6% “พิซซา แบบนั่งรับประทานในร้าน” มูลค่า 3,900 ล้านบาท เติบโต 3% “พิซซา ดีลิเวอรี” มูลค่า 7,400 ล้านบาท เติบโต 8% ฯลฯ โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่มีผู้เล่นในตลาดรายหลักอย่าง “เคเอฟซี” ที่ครองตลาดมากกว่า 50% ขณะที่แบรนด์ผู้เล่นสไตล์เกาหลีก็มีเข้ามารุกตลาดเช่นกัน อาทิ “บอนชอน” สไตล์เกาหลี, “เคียวโชน” จากเกาหลี, “ฮอทสตาร์” จากไต้หวัน ล่าสุด “เท็กซัส ชิกเก้น”จากสหรัฐอเมริกา เป็นต้น
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,209 วันที่ 13 - 16 พฤศจิกายน 2559