‘แม็คโคร’ทุ่ม3พันล้านซื้อธุรกิจอาหารตปท.
สยามแม็คโครทุ่ม 3 พันล้านซื้อธุรกิจอาหาร 4 บริษัทใน 3 ประเทศ "สิงคโปร์-ฮ่องกง-สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์" ก.ล.ต.เปิดข้อมูล 9 เดือนดีลเสนอซื้อหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ1.2 แสนล้านบาท มีรายการซื้อขายจริง 8.8 หมื่นล้านบาท
นางเสาวลักษณ์ถิฐาพันธ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานบริหารการเงินและหน่วยงานสนับสนุน บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) (บมจ.)หรือMAKROเปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการหรือบอร์ดบริษัทมีมติให้บริษัท สยามฟูด เซอร์วิส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ลงนามในสัญญาให้เข้าซื้อผลประโยชน์ในสัดส่วน 80% ในแต่ละบริษัทซึ่งประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการด้านอาหารดังต่อไปนี้ Indoguna (Singapore) Pte Ltd (บริษัทจดทะเบียนในสิงคโปร์) Indoguna Dubai LLC (บริษัทจดทะเบียนในสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์) Lordly Company Limited (บริษัทจดทะเบียนในฮ่องกง) และ Just Meat Company Limited (บริษัทจดทะเบียนในฮ่องกง) โดยมีมูลค่ารายการรวมทั้งสิ้น117.6 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ 3,057.6 ล้านบาท
สำหรับแหล่งเงินทุนที่บริษัทจะใช้ในการเข้าซื้อผลประโยชน์ดังกล่าวได้แก่เงินทุนของบริษัทเองและจากวงเงินสินเชื่อตามสัญญาให้การสนับสนุนทางการเงินกับสถาบันการเงิน
MAKRO ประกอบธุรกิจศูนย์จำหน่ายสินค้าแบบชำระเงินสดและบริการตนเองภายใต้ชื่อ แม็คโคร โดยมีสาขาทั่วประเทศไทย และจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคให้แก่ลูกค้าที่เป็นสมาชิกบัตรแม็คโครซึ่งเป็นองค์กรธุรกิจขนาดกลางและเล็ก รวมทั้งร้านค้าปลีกและกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร ตลอดจนกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระและสถาบันต่างๆ
ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่าในช่วง 9 เดือนของปี 2559มีการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการทั้งสิ้น 14 บริษัทคิดเป็นมูลค่าหุ้นที่เสนอซื้อ 1.2 แสนล้านบาท แต่เป็นมูลค่าหุ้นที่เกิดรายการซื้อขายจริง 8.8 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ดีลการซื้อขายกิจการขนาดใหญ่ในช่วง 9 เดือน มีกรณีของบมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น หรือสายการบินไทยแอร์เอเชีย ของกลุ่มคิง เพาเวอร์ ภายใต้การบริหารงานโดยตระกูลศรีวัฒนาประภา มีมูลค่าการซื้อขาย7,945ล้านบาท นอกจากนี้มีกรณีการเข้าซื้อกิจการบมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ โดยกลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ผ่าน บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ มีมูลค่าการเข้าซื้อ1.23 แสนล้านบาท
นายสันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า มีบริษัทจดทะเบียนไทย(บจ.)จำนวนมากได้เข้าไปซื้อกิจการในตลาดต่างประเทศเพื่อขยายกิจการและขยายตลาดต่างๆ ทั้งในยุโรปและเอเชีย เนื่องจาก บจ.ไทยเริ่มพัฒนาจนมีศักยภาพที่เทียบเท่าบริษัทชั้นนำของโลกมากขึ้น
“อุตสาหกรรมที่ บจ.ไทยเข้าไปซื้อกิจการ เช่น กลุ่มอาหาร การเกษตร ค้าปลีก เครื่องดื่ม และธุรกิจด้านกีฬา โดยเฉพาะทีมฟุตบอลในลีกดังๆ ของยุโรป “นายสันติกล่าวและว่า
สำหรับแผนงานปี 2560 ตลท. ตั้งเป้าจะมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ หรือหุ้นไอพีโอที่ระดับ 2.8 แสนล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 2.4-2.5 แสนล้านบาท เนื่องจากจะมีบางบริษัทที่เตรียมเข้าตลาดในปีนี้ แต่มีปัญหาเรื่องของมาตรฐานทางบัญชีและเรื่องของเทคนิคต่างๆ จึงต้องล่าช้าและเลื่อนไปเป็นต้นปี 2560 แทน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,206 วันที่ 3 - 5 พฤศจิกายน 2559