บิทคับ ชี้ 3 เสาหลัก "การเงิน-ดิจิทัล-สุขภาพ" ขับเคลื่อนอนาคตเศรษฐกิจไทย

12 พ.ย. 2568 | 09:14 น.
อัปเดตล่าสุด :12 พ.ย. 2568 | 09:29 น.

ท๊อป จิรายุส แนะไทยขับเคลื่อน 3 เสาหลัก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจอนาคต ได้แก่ การเงินดิจิทัล, ความรู้ดิจิทัล และการพัฒนาระบบสุขภาพ เตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

KEY

POINTS

  • "จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา" ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญวิกฤตสังคมสูงวัย (Super Aging) ซึ่งจะทำให้กำลังแรงงานลดลงอย่างมาก จึงจำเป็นต้องเพิ่มผลิตภาพของคนทำงานที่เหลืออยู่ให้ได้ถึง 2 เท่า
  • 3 เสาหลักที่จำเป็นต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต ได้แก่ ความรู้ด้านการเงินยุคใหม่ (Financial Literacy), ความรู้ด้านดิจิทัลและ AI (Digital Literacy) เพื่อเพิ่มผลิตภาพ และความรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประเทศ
  • เสนอให้ไทยพลิกวิกฤตเป็นโอกาสโดยใช้จุดแข็งด้านบริการและการแพทย์ เพื่อวางตำแหน่งประเทศให้เป็นศูนย์กลางการดูแลสุขภาพและอายุยืนยาว (Longevity Hub) ดึงดูดผู้มีกำลังซื้อสูงจากทั่วโลก

นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ได้เปิดฉากวิเคราะห์อนาคตเศรษฐกิจไทยบนเวที Special Talk | Next Gen Health Economy: โอกาสใหม่เศรษฐกิจไทย งาน THAILAND’s NEW PROSPECT จัดโดยเนชั่น กรุ๊ป โดยชี้ชัดว่าประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับ "วิกฤตการณ์ที่ใหญ่ที่สุดที่ประเทศจะเคยเจอ" นั่นคือการเข้าสู่สถานะ "Super Aging " อย่างรวดเร็ว

นายจิรายุสระบุว่า สังคมผู้สูงอายุขั้นสุดยอดจะส่งผลให้ในอีก 5 ปีข้างหน้า ประชากรไทยถึง 1 ใน 5 หรือ 20% จะมีอายุเกิน 65 ปี ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างรุนแรง ตัวเลขที่น่าตกใจคือ ประชากรวัยทำงานจะลดลงจาก 70 ล้านคน เหลือเพียง 33 ล้านคนใน 50 ปีข้างหน้า

บิทคับ ชี้ 3 เสาหลัก "การเงิน-ดิจิทัล-สุขภาพ" ขับเคลื่อนอนาคตเศรษฐกิจไทย ในขณะที่เป้าหมายทางเศรษฐกิจคือการรักษา GDP 500 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้คงอยู่ ซึ่งหมายความว่าคนไทยที่เหลืออยู่เพียง 33 ล้านคน จะต้องมี Productivity เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า เพื่อให้เศรษฐกิจไทยไม่ถดถอย

3 เสาหลักแห่งความอยู่รอดของ "Next Humans"

ความจำเป็นที่พลเมืองแห่งอนาคต หรือ "The Next Humans" จะต้องเร่งสร้างฐานความรู้ 3 เสาหลัก (3 Pillars) เพื่อเป็นกุญแจสำคัญในการหลุดพ้นจากกับดักนี้:

1. Financial Literacy และ New Finance: นายจิรายุสชี้ว่าความรู้ทางการเงินแบบดั้งเดิมไม่ได้ถูกสอนอย่างเป็นระบบในสถานศึกษาไทย แต่โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุค New Finance, On-Chain Economy และ Tokenization of Everything อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นทักษะใหม่ที่คนไทยต้องอัปเดตอย่างเร่งด่วนเพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในเศรษฐกิจยุคใหม่

บิทคับ ชี้ 3 เสาหลัก "การเงิน-ดิจิทัล-สุขภาพ" ขับเคลื่อนอนาคตเศรษฐกิจไทย

2. Digital Literacy โดยเฉพาะ AI: เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะไม่เป็นเพียงเครื่องมือเสริม แต่จะกลายเป็น Operating System ของทุกอุตสาหกรรมในอนาคต คาดการณ์ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า ตำแหน่งงานพื้นฐานของประชากรโลกถึง 1 ใน 3 จะถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ ซึ่งจะนำมาซึ่ง "วิกฤตของแรงงาน" โดยมีอายุ 40 ปี เป็น "อายุเกษียณใหม่" ดังนั้น การใช้ AI และเทคโนโลยีจึงเป็นทางเดียวที่จะช่วยให้กำลังแรงงานที่ลดลงสามารถเพิ่มผลผลิตได้ถึง 2 เท่า

3. Health Literacy (ความรู้ด้านสุขภาพ): เสาหลักด้านสุขภาพถูกชี้ให้เห็นว่าเป็นวิกฤตค่าใช้จ่ายที่กำลังจะแซงหน้าแหล่งรายได้สำคัญของประเทศ นายจิรายุสเผยตัวเลขที่น่าตกใจว่า ค่าใช้จ่ายในการรักษาผู้ป่วย NCD (Non-Communicable Diseases) ในแต่ละปีนั้น มีมูลค่าสูงถึง 20% ของ GDP ซึ่งเท่ากับรายได้ทั้งหมดจากการท่องเที่ยว ดังนั้น การลงทุนในความรู้ด้านสุขภาพจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ไม่สามารถละเลยได้

นายจิรายุส วิเคราะห์เปรียบเทียบขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน โดยระบุว่า ประเทศไทยไม่สามารถประกาศตัวเป็น "Digital Economy Hub" ได้อย่างเต็มภาคภูมิในปัจจุบัน เนื่องจากยังขาดแคลนบุคลากรด้าน Science and Technology อย่างหนักเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนามที่สามารถผลิตบัณฑิตด้านดิจิทัล ได้ถึง 500,000 คนต่อปี ของไทยผลิตบุคลากรได้หลักหมื่นคน

บิทคับ ชี้ 3 เสาหลัก "การเงิน-ดิจิทัล-สุขภาพ" ขับเคลื่อนอนาคตเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ตาม นายจิรายุสได้เสนอทิศทาง S-Curve ใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุดและไทยมีแต้มต่อเหนือคู่แข่งในอาเซียน นั่นคือการเป็น "Destress Destination"จุดหมายปลายทางของการพักผ่อนเพื่อคลายความเครียด และ "Longevity Hub" ที่มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพและอายุยืนยาว โดยใช้จุดแข็งของประเทศ:

  • Hospitality: การบริการที่เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
  • Kitchen of the World: ความอุดมสมบูรณ์ด้านอาหารและสมุนไพร
  • Sick Care: ระบบบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพสูง

การวางตำแหน่งให้ประเทศเป็นศูนย์กลางการดูแลสุขภาพในระยะยาวนี้ จะเป็นการดึงดูดกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูงทั่วโลกที่กำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย ให้เข้ามาใช้จ่ายในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นการพลิกวิกฤตประชากรให้เป็นโอกาสทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนที่สุด