'Tourist DigiPay' เปิดเกมใหม่ ดันไทยสู่ Digital Asset Hub

22 ส.ค. 2568 | 03:28 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ส.ค. 2568 | 03:41 น.

“เอ็กซ์สปริง-บิทคับ-ไบแนนซ์” คึกคัก รับโครงการ “Tourist DigiPay” เชื่อเป็นกลไกใหม่ ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติแปลงคริปโตเป็นบาท ใช้จ่ายได้ทุกที่ผ่าน QR PromptPay สร้างความสะดวก ปลอดภัย เพิ่มเม็ดเงินเข้าสู่ระบบจริง

ประเทศไทยกำลังเดินสู่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัลและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เมื่อกระทรวงการคลังเปิดตัวโครงการนำร่อง “Tourist DigiPay” ระบบที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติแปลงสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น คริปโตเคอร์เรนซี ให้กลายเป็นสกุลเงินบาท และสามารถใช้จ่ายผ่าน QR PromptPay ได้ทุกหนแห่ง ตั้งแต่ร้านอาหารริมทางไปจนถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่

นายธนศักดิ์ กฤษณะเศรณี รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด (XD)เปิดเผย“ฐานเศรษฐกิจ”ว่า โครงการ Tourist DigiPay ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลและการท่องเที่ยวไทยไปพร้อมกัน โดยเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวต่างชาติแปลงสินทรัพย์ดิจิทัลที่ถือครองเป็นเงินบาทเพื่อใช้จ่ายกับร้านค้าและบริการต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกและปลอดภัย

เอ็กซ์สปริงมองว่าโครงการนี้จะช่วยตอกย้ำความพร้อมของประเทศไทยในการก้าวสู่การเป็น Digital Asset Hub ของภูมิภาค และยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ด้าน Smart Tourism ที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัท ซึ่งมุ่งผลักดันนวัตกรรมทางการเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจริง

'Tourist DigiPay' เปิดเกมใหม่ ดันไทยสู่ Digital Asset Hub

ในเชิงปฏิบัติ เอ็กซ์สปริงแสดงความพร้อมเข้าร่วมโครงการ โดยใช้ศักยภาพในฐานะผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลครบวงจร ทั้ง Exchange, Broker และ ICO Portal บริษัทได้พัฒนาระบบเทคโนโลยีรองรับธุรกรรม Real-time พร้อมมาตรฐาน KYC/AML ที่เข้มงวด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการ

นายธนศักดิ์์ ย้ำว่า โครงการนี้ไม่ใช่เพียงกลไกการชำระเงิน แต่เป็นทั้งโอกาสทางเศรษฐกิจและเครื่องมือในการเสริมศักยภาพประเทศ ซึ่งเอ็กซ์สปริงพร้อมใช้ความเชี่ยวชาญและโครงสร้างพื้นฐานของบริษัทในการผลักดันให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน

นายอรรถกฤต ชิมผลาพิบูลย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด กล่าวว่า Tourist DigiPay เป็นโอกาสที่ทำให้ไทยกลายเป็นหนึ่งในประเทศแรกของโลกที่มีระบบลักษณะนี้ โดยเฉพาะเมื่อปัจจุบันมีผู้ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลกกว่า 560 ล้านราย ซึ่งในกลุ่มนี้รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติและ Digital Nomads ที่มีกำลังซื้อและนิยมเดินทางทำงานไปทั่วโลก

'Tourist DigiPay' เปิดเกมใหม่ ดันไทยสู่ Digital Asset Hub

บิทคับเชื่อว่า หาก Sandbox นำร่อง ของโครงการประสบความสำเร็จ จะสามารถขยายผลไปสู่ธุรกิจ B2B และการโอนเงินระหว่างประเทศผ่านคริปโตในอนาคต นอกจากนี้ยังอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้งาน Blockchain เชิงพาณิชย์รูปแบบอื่นๆ ในระบบเศรษฐกิจไทย

แม้ Sandbox ปัจจุบันยังจำกัดวงเงินธุรกรรมที่ 550,000 บาทต่อเดือน ครอบคลุมทั้งร้านค้ารายใหญ่และรายย่อย แต่บิทคับคาดหวังว่าหากผลตอบรับดี รัฐบาลอาจขยายวงเงินและขอบเขตการใช้งานให้ครอบคลุมมากขึ้น

ในด้านการดำเนินงาน บริษัทไม่ได้วางแผนเก็บค่าบริการเพิ่มเติมนอกเหนือจากค่าธรรมเนียมการเทรดตามปกติ เนื่องจากระบบและเทคโนโลยี API ของบิทคับพร้อมเชื่อมต่ออยู่แล้ว ต้นทุนในการเข้าร่วมโครงการจึงเพิ่มเพียงเล็กน้อย

สิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญคือประสบการณ์ผู้ใช้ โดยเตรียมจับมือกับผู้ให้บริการ e-Money เพื่อขยายเครือข่ายร้านค้าที่รองรับ และจะจัดตั้งจุดบริการที่สนามบินเพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเปิดบัญชีและเริ่มใช้งานได้ทันทีที่เดินทางมาถึงไทย

บิทคับมั่นใจว่า ด้วยสภาพคล่องสูงของ Bitkub Exchange นักท่องเที่ยวจะได้รับอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสมที่สุด และสามารถนำเงินบาทที่ได้ไปใช้จ่ายผ่าน QR PromptPay ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วไม่ต่างจากคนไทยทั่วไป”

นายนิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไบแนนซ์  ทีเอช บาย กัลฟ์ ไบแนนซ์ (BINANCE TH)กล่าวว่า โครงการ Tourist DigiPay ช่วยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถแปลงคริปโตเป็นเงินบาทเพื่อนำไปใช้จ่ายได้จริงในประเทศ ซึ่งไม่เพียงเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของภาคการท่องเที่ยวไทย แต่ยังผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล และพาประเทศเข้าใกล้เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการเงินดิจิทัลระดับภูมิภาค

'Tourist DigiPay' เปิดเกมใหม่ ดันไทยสู่ Digital Asset Hub

Tourist DigiPay ไม่ใช่การชำระเงินด้วยคริปโตโดยตรง แต่เป็นระบบที่ให้นักท่องเที่ยวแปลงคริปโตเป็นเงินบาทก่อน แล้วจึงจ่ายผ่าน PromptPay QR ที่แพร่หลายทั่วประเทศตั้งแต่ร้านอาหารริมทางจนถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำ แนวทางนี้ช่วยเชื่อมโยงระบบการเงินดั้งเดิมของไทยกับโลกใหม่ของสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่สร้างความซับซ้อนแก่ผู้ใช้งาน”

โครงการนี้เป็นสัญญาณเชิงนโยบายที่ชัดเจนจากรัฐบาลไทยในการส่งเสริมนวัตกรรมการเงิน และถือเป็นต้นแบบที่ประเทศอื่นสามารถนำไปประยุกต์ใช้ การผสานระหว่างกฎระเบียบที่ยืดหยุ่น เทคโนโลยีบล็อกเชน และความร่วมมือระหว่างรัฐกับเอกชน จะช่วยเร่งการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อผู้คนในวงกว้าง

BINANCE TH ยืนยันความพร้อมที่จะเข้าร่วมและสนับสนุนความร่วมมือกับภาครัฐ เพื่อผลักดันประเทศไทยให้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการเงินดิจิทัลในระดับภูมิภาค โดยยึดมั่นในกฎระเบียบ ความเป็นเลิศทางเทคโนโลยี และวิสัยทัศน์เพื่อระบบการเงินที่ทั่วถึงสำหรับทุกคน”