100 วัน ประธานาธิปดี "ทรัมป์” กับวงการคริปโต“ฟื้นฟู-ฟุ้งฝัน”

26 เม.ย. 2568 | 10:20 น.
อัปเดตล่าสุด :26 เม.ย. 2568 | 10:30 น.

การกลับสู่ทำเนียบขาวของโดนัลด์ ทรัมป์ ในต้นปี 2025 ได้จุดกระแสความหวังครั้งใหม่ในวงการคริปโตเคอร์เรนซีทั่วโลกภายใต้ภาพจำของ “ประธานาธิบดีคริปโต” ที่เจ้าตัวนิยามตนเองตั้งแต่ช่วงหาเสียง

“โดนัลด์ ทรัมป์” ให้คำมั่นว่าจะทำให้สหรัฐอเมริกาเป็นเมืองหลวงคริปโตของโลก พร้อมกับสลัดภาพความเข้มงวดของรัฐบาลชุดก่อนที่ถูกมองว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อสินทรัพย์ดิจิทัลโดยสิ้นเชิง โดยช่วง 100 วันแรกของการดำรงตำแหน่ง ประธานาธิบดีทรัมป์ดำเนินการหลายอย่างที่ส่งผลต่อทิศทางของวงการคริปโต

100 วัน ประธานาธิปดี \"ทรัมป์” กับวงการคริปโต“ฟื้นฟู-ฟุ้งฝัน”

เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2025 วันสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ที่ราคาบิตคอยน์พุ่งทะลุระดับ 109,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,706,000 บาท) ทำสถิติสูงสุดใหม่ในประวัติศาสตร์ สะท้อนความตื่นเต้นจากนักลงทุนที่หวังว่าจะได้เห็นนโยบายสนับสนุนคริปโตอย่างเป็นรูปธรรม ทว่าโมเมนตัมอันร้อนแรงนั้นกลับอยู่ได้ไม่นาน

 ในวันที่ 23 มกราคม ทรัมป์ลงนามคำสั่งบริหารเพื่อจัดตั้ง “คณะทำงานประธานาธิบดีด้านตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล” โดยมีภารกิจหลักในการประเมินการจัดตั้งคลังสำรองสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณครั้งสำคัญถึงความเอาจริงเอาจังของรัฐบาลต่อการวางโครงสร้างพื้นฐานสินทรัพย์ดิจิทัลระดับประเทศ

ต่อมาในวันที่ 2 มีนาคม ทรัมป์ประกาศผ่าน Truth Social ว่าคลังสำรองดังกล่าวจะไม่จำกัดเฉพาะบิตคอยน์ แต่จะรวมถึงสินทรัพย์อื่นอย่าง Ethereum, XRP, Solana และ Cardano ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์จากบางฝ่ายที่มองว่าการผสมเหรียญแบบนี้ลดความเป็นกลางของแนวคิดเดิม

กระแสคาดหวังเริ่มสะดุดจริงจังในวันที่ 6 มีนาคม เมื่อประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามคำสั่งจัดตั้งคลังสำรองบิตคอยน์อย่างเป็นทางการ แต่กลับไม่มีการจัดสรรงบประมาณใหม่ในการซื้อเหรียญเพิ่มเติม รัฐบาลประกาศว่าจะใช้เพียงเหรียญดิจิทัลที่ถูกยึดได้จากการบังคับใช้กฎหมายเท่านั้น สิ่งนี้สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนที่หวังว่าอุปสงค์จากรัฐจะเป็นแรงหนุนให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง ราคาบิตคอยน์ร่วงจาก 91,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,094,000 บาท) เหลือเพียง 85,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,890,000 บาท) ภายในวันเดียว

แม้ผลงานด้าน “ภาพลักษณ์” จะเด่นชัด เช่น การยุบหน่วยปราบปรามคริปโตของกระทรวงยุติธรรม การแต่งตั้ง David Sacks เป็น “Crypto Czar” และการจัดประชุมสุดยอดคริปโตที่ทำเนียบขาว แต่หลายฝ่ายเห็นว่าสิ่งเหล่านี้ยังไม่ก่อผลทางนโยบายจริงจัง ผู้เชี่ยวชาญบางรายถึงกับระบุว่า รัฐบาลนี้ “มีเจตนา แต่การปฏิบัติยังตามไม่ทัน” เพราะวงการคริปโตเคลื่อนไหวเร็วกว่ากลไกภาครัฐหลายเท่า

ในขณะเดียวกัน ด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคริปโตก็มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เมื่อทรัมป์ลงนามยกเลิกกฎภาษีของ IRS ที่เคยจะมีผลบังคับใช้ในปี 2026 ซึ่งบังคับให้แพลตฟอร์ม DeFi ต้องรายงานธุรกรรมของผู้ใช้งานให้เหมือนกับโบรกเกอร์ในตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายใหม่นี้จึงถือเป็นชัยชนะของฝั่ง DeFi ที่หวังความยืดหยุ่นและเสรีภาพมากขึ้นในด้านการพัฒนาแพลตฟอร์ม

ขณะเดียวกัน ตลาดก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวของผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ๆ ตามมาจากท่าทีของรัฐบาล โดยเฉพาะ ETF ของเหรียญมีมและอัลต์คอยน์ ที่ถูกยื่นจดทะเบียนมากกว่า 60 รายการ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการอนุมัติใดๆ ออกมา แสดงให้เห็นว่าแม้นโยบายดูเปิดกว้าง แต่ระบบราชการยังคงดำเนินไปอย่างช้า ๆ เช่นเดิม

นอกจากนั้น การสนับสนุนอุตสาหกรรมเหมืองขุดที่ทรัมป์ประกาศไว้ก็ยังไม่เป็นรูปธรรมเช่นกัน อุตสาหกรรมขุดยังต้องเผชิญกับอัตราภาษีที่เพิ่มขึ้นกับชิปคอมพิวเตอร์จากจีน และไม่มีมาตรการเยียวยาจากภาครัฐที่ชัดเจน แม้ว่า Eric Trump ลูกชายของประธานาธิบดีจะประกาศก่อตั้ง “American Bitcoin Corp” ร่วมกับ Hut 8 ซึ่งเป็นบริษัทขุดบิตคอยน์รายใหญ่ แต่นักวิเคราะห์จำนวนไม่น้อยมองว่าสิ่งนี้อาจสะท้อนความขัดแย้งทางผลประโยชน์มากกว่าจะเป็นการช่วยขับเคลื่อนทั้งระบบ

100 วัน ประธานาธิปดี \"ทรัมป์” กับวงการคริปโต“ฟื้นฟู-ฟุ้งฝัน”

หนึ่งในข้อมูลสำคัญที่สะท้อนสภาพรวมได้ดีที่สุดคือ มูลค่าตลาดรวมของคริปโตที่ลดลงจาก 3.36 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 114.2 ล้านล้านบาท) ในวันสาบานตน เหลือเพียง 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 88.4 ล้านล้านบาท) ณ วันที่ 15 เมษายน ซึ่งเป็นผลสะท้อนจากความไม่ชัดเจนทางนโยบาย และความคาดหวังที่ไม่เป็นจริง

กล่าวได้ว่า 100 วันแรกของทรัมป์กับวงการคริปโตคือช่วงเวลาแห่ง “การปลุกความหวัง” และ “การฟุ้งฝัน” ที่ยังไม่ได้เปลี่ยนผ่านสู่ยุคของ “การฟื้นฟู” อย่างแท้จริง แม้ผู้นำจะเปลี่ยนจากการกดขี่มาเป็นการโอบรับ แต่สิ่งที่วงการนี้ต้องการไม่ใช่แค่การต้อนรับด้วยรอยยิ้ม แต่คือกฎหมายที่เอื้อต่อการเติบโตของเทคโนโลยีการเงินในศตวรรษที่ 21 อย่างแท้จริง

วิเคราะห์ หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 4,090 วันที่ 24 - 26 เมษายน พ.ศ. 2568