KEY
POINTS
เปิดเส้นทางของหุ้น JKN หรือ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่วันที่รุ่งโรจน์จนถึงวันที่ถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นบทเรียนสำคัญในโลกการลงทุนที่สะท้อนถึงปัญหาการลงทุนเกินตัวและการขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง
JKN ก้าวเข้าสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 โดยเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในราคา 8.00 บาทต่อหุ้น(ที่พาร์ 0.50 บาท) เพื่อระดมทุนไปขยายธุรกิจลิขสิทธิ์คอนเทนต์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักในขณะนั้น
โดยในช่วงแรกหุ้น JKN ได้รับความสนใจอย่างมากในฐานะผู้นำเข้าและจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์รายใหญ่ จนกระทั่งมีการขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจความงามและสินค้าอุปโภคบริโภค และที่เป็นกระแสฮืฮาคือการครองลิขสิทธิ์นางงามจักรวาล (MU) ในเวลาต่อมา พลิกโฉมจากหุ้นคอนเทนต์ซีรีย์เป็น 'หุ้นนางงาม'
ทั้งนี้ ราคาหุ้น JKN มีความผันผวนตามข่าวการลงทุนใหญ่ๆ โดยเฉพาะในช่วงเดือนตุลาคม 2565 หลังจากมีการประกาศเข้าซื้อกิจการ Miss Universe Organization (MUO) เป็นผลให้ราคาหุ้นพุ่งจาก 3.5 บาท ขึ้นไปสูงสุดที่ 5.7 บาท ภายใน 2 วัน เนื่องจากนักลงทุนแห่เข้ามาเก็งกำไร
อย่างไรก็ตาม เค้าลางร้ายเริ่มปรากฏชัดจากการลงทุนขนาดใหญ่ที่ใช้เงินมหาศาลเกินกำลังของบริษัท จนทำให้สภาพคล่องสะดุดมือ
1. การลงทุนใน NEW18 : ในเดือนเมษายน 2564 JKN ทุ่มเงินกว่า 1,060 ล้านบาท เพื่อซื้อช่องทีวี NEW18 และเปลี่ยนชื่อเป็น JKN18 แต่ผลตอบรับกลับไม่สามารถสร้างกำไรมาหนุนสภาพคล่องได้ตามที่คาดหวัง
2. การซื้อลิขสิทธิ์นางงามจักรวาล (MU) : ในเดือนตุลาคม 2565 JKN เข้าเทกโอเวอร์ MUO ด้วยมูลค่าราว 800 ล้านบาท กลายเป็นร่างเป็น 'หุ้นนางงาม' ซึ่งนักวิเคราะห์ประเมินว่าเป็นการเร่งลงทุนที่มีมูลค่าสูงเกินไป และผลประกอบการจากธุรกิจนี้ไม่สามารถสร้างรายได้มาครอบคลุมภาระหนี้ที่มีอยู่ได้
จากการเร่งลงทุนขนาดใหญ่ และซ้ำยังเป็นการลงทุนอย่างต่อเนื่องทำให้ JKN เกิดวิกฤตสภาพคล่องและการผิดนัดชำระหนี้ กระแสเงินสดจากการลงทุนติดลบถึง -1,589.18 ล้านบาท (ณ ครึ่งแรกของปี 2566) ขณะที่เงินสดจากการดำเนินงานมีไม่เพียงพอ ส่งผลให้บริษัทเริ่มขาดสภาพคล่องอย่างหนักจนไม่สามารถชำระคืนหนี้หุ้นกู้ได้ตามกำหนด
นอกจากปัญหาสภาพคล่องแล้ว JKN ยังเผชิญกับปัญหาความโปร่งใส โดย ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษ 'แอน จักรพงษ์' และพวก ต่อ DSI ในข้อหา ตกแต่งงบการเงิน ประจำปี 2566 และไตรมาส 1 ปี 2567 โดยพบการสร้างรายการเจ้าหนี้และลูกหนี้ปลอมเพื่อลวงบุคคลทั่วไป ในหลายกรณี
ในที่สุด ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ประกาศ เพิกถอนหุ้น JKN จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน โดยให้เหตุผลสำคัญคือการเปิดเผย ข้อมูลอันเป็นเท็จในงบการเงิน และการไม่ส่งงบการเงินตามกำหนด ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดให้ซื้อขายหุ้น JKN เป็นชั่วคราวครั้งสุดท้ายด้วยบัญชี Cash Balance ในช่วงระหว่างวันที่ 18 - 26 ธันวาคม 2568
หลังจากนั้น JKN จะถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์อย่างเป็นทางการในวันที่ 27 ธันวาคม 2568 (โดยวันทำการสุดท้ายในตลาดคือวันที่ 26 ธ.ค. 68) นั้นอาจหมายความว่า ทิ้งนักลงทุนรายย่อยกว่า 21,390 รายให้เผชิญภาวะ 'ติดดอยถาวร'