หุ้นไทยยังแกว่ง Sideway รับมาตรการกระตุ้นการออมในประเทศน่าผิดหวัง

09 ธ.ค. 2568 | 03:08 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ธ.ค. 2568 | 03:08 น.

หุ้นไทย SET วันนี้ Sideways ในกรอบ 1,250 - 1,270 จุด แม้ดอกเบี้ยสหรัฐฯ เดือนธ.ค. มีโอกาสลด แต่ทิศทางดอกเบี้ยปีหน้ายังไม่แน่นอน เป็นปัจจัยเพิ่มแรงกดดันสั้น ผสานมาตรการกระตุ้นการออมในประเทศน่าผิดหวัง จึงแนะเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น

KEY

POINTS

  • ดัชนีหุ้นไทย (SET) มีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบ 1,250 - 1,270 จุด จากปัจจัยกดดันทั้งในและต่างประเทศ
  • ตลาดผิดหวังต่อมาตรการกระตุ้นการออมในประเทศ (TISA) ที่ออกมาใหม่ ซึ่งสะท้อนผ่านแรงขายในตลาด
  • สาเหตุหลักมาจากมาตรการดังกล่าวลดแรงจูงใจในการออมของกลุ่มผู้มีรายได้สูง ซึ่งเป็นนักลงทุนกลุ่มหลัก ผ่านการให้สิทธิลดหย่อนภาษีที่น้อยลง

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) วิเคราะห์หุ้นไทยวันนี้ (9 ธ.ค. 68) ว่า SET Index ยังคงมีแนวโน้มแกว่งตัวแบบ Sideways ในกรอบ 1,250 - 1,270 จุด แม้ดอกเบี้ยสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. มีโอกาสลด แต่ทิศทางดอกเบี้ยปีหน้ายังไม่แน่นอน เป็นปัจจัยเพิ่มแรงกดดันสั้น 

ภาพรวมตลาดหุ้นโลกยังผันผวนก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในวันที่ 10 ธ.ค. 68 นี้ โดยแม้ว่าตลาดจะคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยในนัดสุดท้ายของปี แต่น่าจะมีมุมมองที่ไม่เป็นเอกฉันท์ของคณะกรรมการ FED

รวมถึงยังมีความไม่แน่นอนต่อแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐฯในปีหน้า เนื่องจากในปัจจุบันระดับเงินเฟ้อสหรัฐฯยังสูงกว่าเป้าหมาย แม้ตัวเลขในภาคแรงงานจะยังอ่อนแอหนุนโอกาสการดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายก็ตาม 

ส่วนคืนนี้แนะเกาะติดการรายงานตำแหน่งงานว่างของสหรัฐฯ (JOLT Job openings) เดือน ต.ค. คาดลดลงสู่ระดับ 7.117 ล้านตำแหน่ง 

สำหรับปัจจัยในประเทศ วานนี้ ครม.เศรษฐกิจ เคาะมาตรการกระตุ้นการออมและความมั่นคงทางการเงินของประชาชน ผ่านการเปิดบัญชี TISA ซึ่งจะมีวงเงินรวมลดหย่อนภาษีทั้งสิ้น 800,000 บาท โดยสิทธิลดหย่อนสำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 1.5 ล้านบาทต่อปี จะลดหย่อนได้ 1.3 ของเงินลงทุน

ส่วนผู้ที่มีรายได้เกินกว่า 1.5 ล้านบาทต่อปี จะลดหย่อนได้เพียง 0.7 เท่า โดยมุมมองของเรามองว่ารัฐฯพยายามจะเน้นกระตุ้นการออมของกลุ่มผู้มีรายได้กลาง-ต่ำมากขึ้นผ่านแรงจูงใจตัวคูณ 1.3 เท่า แต่ในเชิงกลับกันการที่ลดตัวคูณในกลุ่มผู้มีรายได้มากกว่า 1.5 ล้านบาทต่อปี เหลือเพียง 0.7 เท่า

จะทำให้กลุ่มหลักที่จ่ายภาษีมีแรงจูงใจในการออมที่น้อยลง จึงทำให้ตลาดอาจผิดหวังต่อประเด็นนี้ สะท้อนแรงขายที่ชัดเจนของ SET เมื่อวาน ดังนั้นคงต้องเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนมากยิ่งขึ้น

ปัจจัยที่ต้องจับตา

09 ธ.ค. US JOLTS Job Openings, การประชุม ครม.
10 ธ.ค. ประชุม FED, ดัชนีเงินเฟ้อ CPI & PPI จีน, ประชุมสภาฯ แก้ไขรัฐธรรมนูญ
11 ธ.ค. ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ สหรัฐฯ, ดุลการค้า สหรัฐฯ

หุ้นเด่นแนะนำ

KTB ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 30.00 บาท

  • คาดแนวโน้มผลประกอบการยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แม้จะเผชิญกับแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง โดย KTB มีการกันสำรองหนี้เสียในระดับสูง และพอร์ตสินเชื่อมีความเสี่ยงที่ต่ำ จึงคาดว่า Credit cost ที่ต่ำลงจะช่วยชดเชยกับ NIM ที่ลดลงได้
  • ปัจจุบันเทรดเพียง PBV 0.8 เท่า และคาดอัตราการจ่ายปันผล 6% ต่อปี