เปิด 2 เงื่อนไขใหม่กฏซื้อหุ้นคืนบริษัทมหาชน หลังพาณิชย์บังคับใช้

06 ธ.ค. 2568 | 06:11 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ธ.ค. 2568 | 06:11 น.

กระทรวงพาณิชย์ประกาศใช้กฏกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการว่าด้วยการซื้อหุ้นคืน การจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน และการตัดหุ้นที่ซื้อคืนของบริษัท

KEY

POINTS

  • ยกเลิกเงื่อนไขการเว้นระยะ 6 เดือนก่อนเริ่มโครงการซื้อหุ้นคืนใหม่ ทำให้บริษัทสามารถเริ่มโครงการใหม่ได้ทันทีเพื่อเพิ่มความคล่องตัว
  • ขยายระยะเวลาการจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนจากเดิมภายใน 3 ปี โดยสามารถขยายกรอบเวลาได้อีก 2 ปี เพื่อให้บริษัทเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมกับตลาดได้มากขึ้น
  • กฎใหม่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้บริษัทมหาชนบริหารสภาพคล่องส่วนเกินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเสริมศักยภาพของตลาดทุน

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการว่าด้วยการซื้อหุ้นคืน การจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน และการตัดหุ้นที่ซื้อคืนของบริษัท (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2568 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษามีผลบังคับใช้เรียบร้อยแล้ว 

โดยกฎกระทรวงฉบับดังกล่าวนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงเกณฑ์การซื้อหุ้นคืนของบริษัทมหาชนจำกัด ให้มีความยืดหยุ่นและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดทุน

ทั้งนี้ มีสาระสำคัญ 2 ประเด็น ประกอบด้วย 

  • ยกเลิกระยะเวลาพักคอย (Breaking Period) จากเดิมบริษัทมหาชนต้องรอ 6 เดือน ก่อนเริ่มโครงการซื้อหุ้นคืนใหม่ กฎกระทรวงฉบับนี้ปรับปรุงให้สามารถเริ่มโครงการใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารทุนของบริษัท 
  • ขยายระยะเวลาการจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน จากเดิมบริษัทต้องจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนภายใน 3 ปี หากแต่หลักเกณฑ์ใหม่สามารถขยายกรอบเวลาได้อีก 2 ปี เพื่อให้บริษัทสามารถเลือกช่วงเวลาในการจำหน่ายที่เหมาะสมกับสภาพตลาดได้มากขึ้น

สำหรับการแก้ไขเพิ่มเติมครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทมหาชนจำกัด สามารถวางแผนการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินได้มีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมสภาพคล่องและศักยภาพของตลาดทุน สร้างประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น ตลาดทุน และเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ พร้อมทั้งลดข้อจำกัดด้านกรอบเวลาการจำหน่ายหุ้นคืนให้บริษัทสามารถขายหุ้นคืนในช่วงเวลาที่เหมาะสมได้มากขึ้น

นอกจากนี้ การปรับปรุงกฎกระทรวงครั้งนี้ยังสอดรับกับคำแถลงนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมา และสนับสนุนนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ ที่มุ่งเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมการลงทุนที่ทันสมัยและเอื้อต่อการแข่งขัน ผ่านการปรับปรุงกฎระเบียบและกระบวนการอนุญาตให้มีความสะดวก โปร่งใส และเป็นมิตรต่อผู้ประกอบการ เพื่อยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการไทยและขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

“กรมพัฒนาธุรกิจการค้ายังคงมุ่งมั่นลดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ และสนับสนุนการยกระดับตลาดทุนไทยให้ทันสมัย โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ และคาดหวังว่าการปรับปรุงกฎกระทรวงครั้งนี้จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพการบริหารจัดการทุนของบริษัทมหาชนจำกัด และสนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนไทยให้มีความมั่นคง โปร่งใส และแข่งขันได้ในระยะยาวต่อไป”