PI รับปี 68 งานยาก รายย่อยเทรดเบาบาง กางแผนดันดิจิทัล–DR–Wealth กระจายเสี่ยง

08 ธ.ค. 2568 | 01:00 น.

'ณัฐชรินพร เจษฎาพิสิฐ' ซีอีโอ บล.พาย รับปี 68 ความท้าทายทั้งเศรษฐกิจ เงินทุนไหลออก วอลุ่มรายย่อยหดตัว กดดันบริษัทหลักทรัพย์ต้องเร่งปรับตัว กางยุทธศาสตร์ เชิงรุกปรับองค์กรสู่ดิจิทัล สร้างผลิตภัณฑ์ลงทุนหลากหลาย

KEY

POINTS

  • บล.พาย (PI) ประเมินภาพรวมธุรกิจปี 2568 เป็นปีที่ท้าทาย จากภาวะตลาดหุ้นซบเซาและมูลค่าการซื้อขายของนักลงทุนรายย่อยที่ลดลง
  • บริษัทวางกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงโดยมุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ ผ่านการพัฒนา Pi Financial Application และเครื่องมือช่วยเทรดอัตโนมัติ
  • ขยายธุรกิจด้าน Wealth Management สำหรับลูกค้าสินทรัพย์สูง และนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น DR เพื่อเพิ่มทางเลือกและโอกาสการลงทุนในต่างประเทศ

นางสาวณัฐชรินพร เจษฎาพิสิฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ PI เปิดเผยกับ 'ฐานเศรษฐกิจ' ว่า ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยเผชิญกับความท้าทายอย่างหนัก จากมูลค่าการซื้อขายที่ลดลง การไหลออกของเงินทุนต่างชาติ และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทั้งในกับต่างประเทศ  รวมไปถึงสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับนานาประเทศ

ประกอบกับตลาดหุ้นไทยที่ปรับลง 3 ปีติดต่อกัน ทำให้นักลงทุนบางส่วนเกิดภาวะติดหุ้นและชะลอการลงทุน สถานการณ์เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทหลักทรัพย์ โดยเฉพาะรายได้จากค่าคอมมิชชันการซื้อขายที่ยังคงเป็นแหล่งรายได้หลักของอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ ในเชิงธุรกิจนั้น บริษัทหลักทรัพย์ต้องเกิดการปรับตัวในรูปแบบต่างๆ ทั้งการสรรหาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย มาเป็นตัวเลือกการลงทุนให้แก่นักลงทุน หรือการบริหารธุรกิจ Wealth Management ที่ให้รายได้ที่มีเสถียรภาพ การให้บริการด้านการวางแผนการเงิน

รวมถึงการบริหารสินทรัพย์สำหรับลูกค้า High Net Worth และการให้คำปรึกษาทางการเงินแบบครบวงจร ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อได้อย่างแข็งแกร่ง ตลอดจนการออกผลิตภัณฑ์ DR เพื่อเพิ่มโอกาสการลงทุนต่างประเทศให้กับนักลงทุนรายย่อย

สำหรับ บล.พาย ในปี 2568 มองว่ายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยมีจำนวนบัญชีเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 10 นอกจากนี้ บัญชีหุ้นต่างประเทศมีจำนวนบัญชีเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 160 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ในด้านนโยบายและกลยุทธ์ การปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ เพราะมองว่าเป็นความจำเป็นที่บริษัทหลักทรัพย์จำเป็นต้องลงทุนด้านเทคโนโลยีอย่างจริงจัง เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มความฉับไวในการลงทุนให้เท่าทันต่อสถานการณ์มากยิ่งขึ้น

โดยบล.พาย เองก็พัฒนาบริการในรูปแบบดิจิทัลที่ครบวงจร ภายใต้แนวคิด 'Digital With A Human Touch' เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าสามารถเข้าถึงโอกาสทางการลงทุนได้อย่างสะดวกง่ายดาย ตามแนวคิด 'Investing, Simplified'

ทั้งนี้ บล.พาย มี Pi Financial Application ที่รองรับการเทรดหลายสินทรัพย์ไว้ใน ที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ หรือสินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ โดยมียอดดาวน์โหลดแอปเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับปีก่อน

นอกจากการพัฒนาในส่วนของ Pi Financial Application แล้ว ยังได้พัฒนาโปรแกรม MT5 ที่เป็นเครื่องมือช่วยให้นักลงทุนสามารถส่งคำซื้อขายแบบอัตโนมัติได้ ซึ่งช่วยสร้างผลตอบแทนได้โดยไม่ต้องเฝ้าจอตลอดเวลา รวมทั้งยังมีเครื่องมือวิเคราะห์กราฟที่ทรงพลังให้เลือกใช้ตามความต้องการที่หลากหลายของนักลงทุนแบบเฉพาะบุคคลได้อีกด้วย

กางแผนงานปี 69

ขณะที่แผนงานของบริษัทหลักทรัพย์ในปี 2569 บริษัทจะยังคงมุ่งเน้นออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์นักลงทุนให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น รวมทั้งพัฒนาบริการสำหรับรองรับลูกค้า High Net Worth ทั้งในส่วนของ Pi Application ที่จะพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ ให้คุณลูกค้าจัดพอร์ตและดูพอร์ตของตนได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้นเ พร้อมคำนึงถึงเรื่องการจัดการข้อมูลและความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้า

พร้อมกันนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะเปิดตัว CME เพื่อเพิ่มโอกาสใน Global Trade แก่นักลงทุน การลงทุนที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกลงทุนได้อย่างเหมาะสมกับเป้าหมาย สร้างความมั่งคั่ง และเติบโตไปตามแนวคิด 'Financial Success' อย่างยั่งยืน

ทำธุรกิจบนพื้นฐานธรรมาภิบาล

นางสาวณัฐชรินพร เจษฎาพิสิฐ กล่าวเสริมว่า บล.พาย มีเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของธรรมาภิบาลที่ดี โดยมุ่งมั่นปฏิบัติตามจรรยาบรรณธุรกิจและนโยบายกำกับดูแลกิจการอย่างโปร่งใสและเข้มงวด ทั้งในส่วนของการทบทวนและเสริมความแข็งแกร่งเพื่อให้การยกระดับมาตรฐานเป็นไปอย่างเป็นรูปธรรม

โดยได้ทำการประเมินผลการดำเนินงานทางด้านความยั่งยืนตามกรอบมาตรฐานสากล ครอบคลุมทุกมิติทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental,Social & Governance: ESG) ผลลัพธ์จากการวิเคราะห์นี้ได้ถูกนำมาใช้เพื่อจัดทำแผนพัฒนาด้านธรรมาภิบาลให้มีความชัดเจนและรัดกุมยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นเครื่องยืนยันว่าการดำเนินงานเป็นไปตามระบบ มีความโปร่งใส และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล

การเสริมความรัดกุมในการกำกับดูแลกิจการนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นสูงสุดให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม และทำให้บริษัทพร้อมรับมือกับความท้าทายต่างๆ ในทุกมิติได้อย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับบริบทความยั่งยืนของโลก (ESG)

ด้วยการตระหนักดีว่าบทบาทของสถาบันการเงินยุคใหม่ ต้องมีวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลมากกว่าเพียงแค่ผลประกอบการ แต่ต้องให้ความสำคัญในเรื่องของผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากการประกอบธุรกิจด้วยเช่นกัน เพื่อสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ให้เกิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และเกิดการเติบโตอย่างมั่นคงต่อไป