KEY
POINTS
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานสถิติการบังคับใช้กฎหมายในช่วงตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 15 ต.ค. 68 โดยคณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) ได้มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำผิดรวม 18 คดี จำนวนผู้กระทำความผิด 89 ราย
โดยแบ่งออกเป็นเป็นฐานความผิดการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์/สินทรัพย์ดิจิทัล ได้แก่ การสร้างราคา การใช้ข้อมูลภายใน/การเปิดเผยข้อมูลภายใน และการแพร่ข่าว/ข้อความเท็จ จำนวน 16 คดี ผู้กระทำความผิดรวม 86 ราย
แสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งในสาระสำคัญ 1 คดี ผู้กระทำความผิดรวม 2 ราย และการไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ความระมัดระวัง และความซื่อสัตย์สุจริต 1 คดี ผู้กระทำความผิดรวม 1 ราย
ในช่วงเวลาเดียวกันมีผู้กระทำผิดมาตกลงทำบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด จำนวนรวม 31 ราย จาก 12 คดี โดยมีค่าปรับทางแพ่ง 117.54 ล้านบาท ชดใช้เงินเท่าผลประโยชน์ที่ได้รับ 64.14 ล้านบาท
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี 2560 ที่มีการนำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับ มีผู้กระทำความผิดตกลงทำบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด จำนวน 308 ราย จาก 79 คดี
โดยมีค่าปรับทางแพ่ง 2,149.68 ล้านบาท ชดใช้เงินเท่าผลประโยชน์ที่ได้รับ 450.65 ล้านบาท ซึ่งเงินค่าปรับทางแพ่งและเงินค่าชดใช้คืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำผิด เป็นรายได้แผ่นดินที่ ก.ล.ต. นำส่งกระทรวงการคลังแล้ว
สำหรับผู้กระทำผิดที่ไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด ก.ล.ต. ได้มีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีผู้กระทำความผิดต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้กำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง ในอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ
อย่างไรก็ดี สถิติการบังคับใช้กฎหมายข้างต้น ยังไม่นับรวมถึงการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่ง กรณีซื้อหุ้นของบริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN โดยอาศัยข้อมูลภายในที่ตนรู้หรือครอบครอง
นอกจากนี้ นับตั้งแต่ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 15 ต.ค. 68 เป็นต้นมา ทาง ก.ล.ต. ได้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายในคดีอาญา โดยกล่าวโทษผู้กระทำผิดต่อพนักงานสอบสวน (บก.ปอศ. และ DSI) แล้วจำนวนรวม 12 คดี ผู้กระทำความผิดรวม 47 ราย
โดยเป็นฐานความผิดการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์/สินทรัพย์ดิจิทัล ได้แก่ การสร้างราคา การแพร่ข่าว/ข้อความเท็จ และซื้อ/ขายหลักทรัพย์ก่อนทำรายการซื้อขายของกองทุน (Front run) รวม 6 คดี ผู้กระทำความผิดรวม 18 ราย
การทุจริต 1 คดี ผู้กระทำความผิด 2 ราย การแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งในสาระสำคัญ รวม 3 คดี ผู้กระทำความผิดรวม 16 ราย และประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต 2 คดี ผู้กระทำความผิด 11 ราย
โดยในหลายกรณีเป็นการกระทำความผิดในช่วงปี 2567 หรือ ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลเมื่อปี 2567 เช่น
อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่องและโปร่งใสของ ก.ล.ต. ถือเป็นสัญญาณสำคัญของการยกระดับมาตรฐานตลาดทุนไทย ให้เดินหน้าอย่างเป็นธรรม สะท้อนความตั้งใจในการปกป้องผู้ลงทุนและสร้างระบบนิเวศการลงทุนที่มั่นคง
แม้เส้นทางสู่ “ตลาดโปร่งใสไร้มลทิน” ยังต้องเผชิญความท้าทายอยู่อีกมาก แต่ทุกก้าวของการบังคับใช้กฎหมาย คือรากฐานแห่งความเชื่อมั่นที่ทำให้เงินทุนยังกล้าไหลเวียนอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง