KBANK ปรับเกมการเงินยั่งยืน เน้น ‘Light Brown Finance’ สร้างภูมิคุ้มกันเศรษฐกิจไทย

09 ต.ค. 2568 | 10:19 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ต.ค. 2568 | 10:20 น.

“ขัตติยา อินทรวิชัย” เปิดมุมมองใหม่ “การเงินยั่งยืน” ต้องไม่จำกัดแค่สินเชื่อสีเขียว แต่คือการจัดสรรทุนให้ตรงจุด เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันให้เศรษฐกิจไทยแข็งแรงและทั่วถึง ชี้ KBANK ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อเปลี่ยนผ่านสู่ Net Zero มูลค่า 4 - 5 แสนล้าน

KEY

POINTS

  • ธนาคารกสิกรไทยปรับมุมมอง “การเงินยั่งยืน” ให้กว้างกว่าแค่สินเชื่อสีเขียว โดยหันมาให้ความสำคัญกับ “Light Brown Finance” หรือการเงินเพื่อการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งจำเป็นต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
  • ชี้ว่าสัดส่วนสินเชื่อเพื่อการเปลี่ยนผ่านในระบบยังน้อยเกินไป จึงตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อในส่วนนี้เพิ่มเป็น 4-5 แสนล้านบาท เพื่อช่วยให้ธุรกิจปรับตัวสู่ Net Zero
  • เป้าหมายหลักคือการจัดสรรเงินทุนให้ “ตรงจุด” เพื่อสร้างความมั่นคงและภูมิคุ้มกันให้ระบบเศรษฐกิจไทยโดยรวมสามารถรับมือกับวิกฤตได้
  • การเปลี่ยนผ่านต้องอาศัยความร่วมมือจาก 4 ภาคส่วน คือ ภาครัฐ เอกชน ประชาชน และธนาคาร เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK เปิดเผยในงาน Thailand Economic Outlook 2026 "Out of The Trap" จัดโดยกรุงเทพธุรกิจ ในหัวข้อ การเงินยั่งยืน เกราะป้องกันวิกฤติเศรษฐกิจ ว่า ความหมายของ “Sustainable Finance” ความเข้าใจส่วนใหญ่ยังจำกัดอยู่แค่การปล่อยสินเชื่อเพื่อ Net Zero แต่ข้อมูลชุดนั้นล้าสมัยไปแล้วกว่าสองปี

หากว่าเรามองแค่กรีน เราก็จะเห็นเพียงส่วนปลายของภูเขาน้ำแข็ง เพราะในความเป็นจริงแล้วนั้น ไฟแนนซ์เพื่อการเปลี่ยนผ่าน (transition finance) หรือที่เรียกว่า “Light Brown Finance” ยังมีสัดส่วนเพียง 0.0x% ของระบบสินเชื่อทั้งประเทศ ซึ่งยังน้อยเกินไปที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจจริง

การเงินยั่งยืน ต้องไม่จำกัดอยู่ที่การปล่อยสินเชื่อสีเขียว แต่ต้องหมายถึงการจัดสรรเงินทุนให้ ‘ตรงจุด’ เพื่อสร้างความมั่นคงให้ระบบเศรษฐกิจทั้งประเทศ โดยยังยืนยันว่าเป้าหมายใหญ่ของธนาคารยังคงอยู่ และได้เพิ่มเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ Net Zero เป็น 400,000 - 500,000 ล้านบาท

หากให้ขยายมุมมองสู่ระดับโลก เพื่อให้เห็นภาพชัดๆ ยกตัวอย่าง สหรัฐอเมริกา นโยบายไม่เป็นมิตรกับความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม มีการถอนตัวออกจากข้อตกลง Paris Agreement มีการสนับสนุนการขุดเจาะน้ำมัน การขึ้นภาษีนำเข้า จะยิ่งซ้ำเติมภาระค่าใช้จ่ายกินอยู่ของประชาชนเพิ่มขึ้น ธนาคารใหญ่เกือบครึ่งถอนตัวจาก Net Zero Banking Alliance (NZBA) ทำให้พันธกิจด้านสิ่งแวดล้อมต้องหยุดชะงัก

ด้านยุโรป แม้ยังคงเป็นผู้นำด้านกฎหมายสิ่งแวดล้อม แต่ต้อง “ยืดเวลาออกไป” เพื่อให้ธุรกิจปรับตัวทัน อาทิ การซื้อ CBAM Certificate และรายงานด้านความยั่งยืนถูกเลื่อน และกฎหมาย CSDD เหลือบังคับใช้เฉพาะบริษัทขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม มองว่านี่ไม่ใช่การถอย แต่คือ  การให้เวลาธุรกิจหายใจ เพื่อเดินหน้าต่ออย่างยั่งยืนจริง

เมื่อหันกลับมามองประเทศไทย มองว่าสิ่งที่ควรให้น้ำหนนักที่สุด คือ การจัดสรรทรัพยากรทางการเงินให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความมั่นคงและทั่วถึง เพราะการเข้าถึงเงินทุนของทุกกลุ่ม จะเป็นพื้นฐานสำคัญให้เศรษฐกิจไทยมีความยืดหยุ่น และรับมือวิกฤตได้

นอกจากนี้ อีกหนึ่งปัญหาที่ควรเร่งศึกษาแนวทางการแก้ไข คือ ประเทศไทยติดอยู่ในกับดักรายได้ปานกลาง (Middle Income Trap) มานานกว่า 40 ปี ซึ่งในวันนี้รายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 20,000 บาทต่อเดือนต่อคน หากจะหลุดพ้น ต้องขยับขึ้นไปเป็น 35,000 บาทต่อเดือนต่อคน

ทั้งนี้ การจะเปลี่ยนผ่านได้ ต้องอาศัยความร่วมมือของทั้ง 4 เสาหลักในพีระมิดเศรษฐกิจ ประกอบด้วย

  1. ภาครัฐ : ปัจจุบันหนี้สาธารณะอยู่ที่ 64% ของ GDP ทำอย่างไรจะลดหนี้ลงได้อย่างยั่งยืน, ต้องเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เช่น สงครามการค้า ภาษีนำเข้า สังคมสูงวัย และ Disruption ทางเทคโนโลยี และสนับสนุน SMEs ด้วยกฎระเบียบที่ “เท่าเทียม” กับรายใหญ่
  2. ภาคเอกชน : ทำอย่างไรจะช่วยสนับสนุนให้เอาหนี้นอกระบบกลับเข้าระบบได้มากขึ้น, ผู้ระกอบการเอกชนสามารถเจรจาเพิ่มสภาพคล่องกับซัพพลายเออร์ มากกว่าพึ่งแค่ธนาคาร เพิ่ม Productivity และช่องทางรายได้ใหม่
  3. ภาคประชาชน : ต้องรู้เท่าทันการเงิน มีวินัยทางการเงิน, หาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้, เตรียมพร้อมต่อ Worst Case Scenario และ ออมเงินให้พอรับมือกับความไม่แน่นอน
  4. ภาคธนาคาร : บทบาทหลักคือการจัดสรรเงินทุนให้ไปอยู่ในที่ที่ใช่, สนับสนุนธุรกิจที่สร้างความแข็งแกร่งในอนาคต, ช่วยลดต้นทุนทางการเงิน เพื่อให้แข่งขันได้ และใช้หลัก Risk-Based Pricing (RBP) ในการบริหารความเสี่ยงและผลตอบแทน

เศรษฐกิจไทยจะไปต่อได้ เราต้องเห็นโจทย์เดียวกัน เห็นภาพเดียวกัน เหมือนนกที่บินเป็นรูปตัว V ถ้าเราบินไปพร้อมกัน เห็นทางเดียวกัน ไม่บังกัน ประเทศไทยก็จะบินได้ไกล