KEY
POINTS
กลับเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของการท่องเที่ยวไทย เป็นที่น่าจับตาว่าในช่วงหยุดยาว “วันชาติจีน” ปี 68 นักท่องเที่ยวจีนจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวไทยมากน้อยแค่ไหน ท่ามกลางการเผชิญหน้ากับประเด็นด้านความปลอดภัย ค่าใช้จ่าย-เงินบาทแข็งค่า การแข่งขันในภูมิภาค และพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนจีนที่เปลี่ยนแปลงไป
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามประเด็นที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ในช่วง Golden Week หยุดยาววันชาติจีน กว่า 13 วัน ซึ่งนับตั้งแต่ 26 ก.ย. - 8 ต.ค. จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยกว่า 25,000 - 30,000 คนต่อวัน คิดเป็นรายได้สะพัดกว่า 1 หมื่นล้านบาท หนุนจากโครงการ 'Nihao Month' ต้อนรับเทศกาลไหว้พระจันทร์และวันชาติของจีน
นอกจากนี้ ททท. ยังเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นจากสถานการณ์ที่ตลาดนักท่องเที่ยวจีนมีแนวโน้มชะลอตัวลง จากโครงการสนับสนุนการท่องเที่ยวต่างๆ เช่น โครงการ Trusted Thailand , โครงการ Summer Blast กระตุ้นการเดินทางเข้ามาเป็นหมู่คณะของนักท่องเที่ยวชาวจีน และกิจกรรม Chinese Passport Privilege การมอบสิทธิพิเศษ Grand Privilege ให้แก่นักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งเดินทางมาไทย
ทั้งนี้ ภายใต้สมมติฐานของ ททท. ที่คาดว่าในช่วง Golden Week 13 วัน จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยเฉลี่ย 25,000 - 30,000 คนต่อวัน ทางฝ่ายประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาไทยในเดือน ก.ย. 68 คาดหดตัวราว 2 หลัก (Double digit) เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินเข้าไทยทั้งปี 68 คาดเท่ากับ 4.23 ล้านคน ลดลง 37.2% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า คาดสถานการณ์ท่องเที่ยวในช่วงวันชาติจีน (China Golden Week) วันที่ 26 ก.ย. - 8 ต.ค. 68 หยุดยาวรวม 13 วัน ปีนี้ตรงกับเทศกาลไหว้พระจันทร์ คาดว่านักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยประมาณ 2 แสนคน ลดลง 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 262,000 คน
แม้จำนวนลดลงแต่สัญญาณการเดินทางแบบรายวันเริ่มฟื้นตัว จากยอดจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าที่เพิ่มขึ้น 5% เทียบกับปีก่อน โดยนักท่องเที่ยวจีนจองล่วงหน้าประมาณ 15 - 40 วัน นิยมเดินทางเป็นกลุ่มเล็กจำนวนไม่เกิน 9 คน
โดยหากไทยสามารถรักษาความเชื่อมั่นในความปลอดภัย ความสะดวกในการเดินทาง และสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวที่หลากหลายได้ ก็ยังมีโอกาสเห็นการฟื้นตัวแรงในช่วงปลายปี และตรุษจีน 69 ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวสูงสุดของนักท่องเที่ยวจีน
ในมุมฝ่ายวิจัยอัตราการลดลงข้างต้นที่ 24% ถือว่ามีพัฒนาการจากช่วง 28 ก.ค. - 21 ก.ย. 68 (ลบเฉลี่ย 36% ต่อสัปดาห์) ประกอบกับตัวเลขยอดจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าสูงขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จึงมองว่าอัตราติดลบของนักท่องเที่ยวจีนมาไทยน่าจะทยอยติดลบในอัตราต่ำลงในช่วงไตรมาส 4/68
ขณะเดียวกันหากเทียบจากสัปดาห์ก่อนหน้า ค่าเฉลี่ยรายวันนักท่องเที่ยวจีนมาไทย ช่วง Golden week ข้างต้นอยู่ที่ 1.5 หมื่นคนต่อวัน สูงขึ้นจากช่วงก่อนหน้าที่ 1.2 หมื่นคนต่อวัน
ทั้งนี้ คาดกำไรปกติหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวงวดไตรมาส 4/68 จะเติบโตจากไตรมาสก่อนหน้า ตามการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวไทย เป็นบวกต่อ AOT, CENTEL, ERW และ THAI รวมถึงธุรกิจร้านอาหารอย่าง CENTEL และ MINT เนื่องจากเป็นช่วงเฉลิมฉลอง ผสานมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศภาครัฐ
โดยเลือก CENTEL เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มฯ จากแนวโน้มกำไรปกติปี 69 ที่เติบโตเด่นกว่ากลุ่มฯ ตามด้วย MINT (สลับขึ้นมาแทน ERW) เพราะ Upside และ PER ที่ 15 เท่า น่าสนใจในมุม Valuation เมื่อเทียบกับโรงแรมอื่น
นอกจากนี้ ยังมองว่า THAI หลังราคาปรับฐานจน PER อยู่ที่ 12 เท่า ใกล้เคียงสายการบินในภูมิภาค Asia Pacific แล้ว เป็นอีกตัวที่น่าสนใจในช่วงเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวไทย
ด้าน บริษัท หลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เผยมุมมองต่อการท่องเที่ยวไทยว่า ภาพรวมภาคการท่องเที่ยวไทยเริ่มฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดในช่วง 6 เดือนแรกปี 68 โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือนก.ค. – ส.ค. กลับมาเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน
ขณะที่ยอดจองล่วงหน้านั้น มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง แม้ปี 68 จะยังเป็นปีแห่งการเปลี่ยนผ่าน แต่สัญญาณเชิงนโยบายและการเน้นตลาดนักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูงทำให้แนวโน้มปี 69 - 70 ดีขึ้น ตามลำดับ หากไม่มีปัจจัยลบใหม่ๆ เข้ามากระทบเพิ่มเติม
มุมมองนโยบายจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยุทธศาสตร์ The New Thailand 2026 จะเน้นการสร้างคุณค่า (value-driven) มากกว่าปริมาณ โดยโฟกัสตลาดกำลังซื้อสูง เช่น ตะวันออกกลางและยุโรป ผ่านการเพิ่มเที่ยวบินตรง รวมถึง Wellness, Medical และ Sport tourism
จากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น ส่งผลให้ฝ่ายวิจัยมองว่าจะเป็นอานิสงส์เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว ทั้งโรงแรม บริการด้านสุขภาพ และสายการบิน เป็นต้น