ตลาดทุนจ่อเข้าพบ 'เอกนิติ' ดัน TISA-SSF-Jump+ หนุนลงทุนระยะยาว
ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมพร้อมเข้าพบทีมเศรษฐกิจรัฐบาลใหม่ ชงมาตรการ TISA-SSF-Jump+ หนุนการลงทุนในหุ้นไทย สร้างเสถียรภาพตลาดทุนระยะยาว มั่นใจ 'เอกนิติ' เข้าใจเศรษฐกิจและตลาดการเงินอย่างลึกซึ้ง
KEY
POINTS
- ตลท. และ 6 องค์กรในตลาดทุนเตรียมเข้าพบ 'เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ' ว่าที่ รมว.คลัง เพื่อหารือแนวทางกระตุ้นตลาดทุนและสนับสนุนการลงทุนระยะยาว
- เตรียมเสนอ 3 นโยบายหลัก ได้แก่ บัญชีเงินออมเพื่อการลงทุน TISA, การต่ออายุกองทุนรวมเพื่อการออมระยะยาว (SSF) ที่จะครบกำหนดในปี 2568, และโครงการ Jump+
- แนวคิด TISA มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนลงทุนในหุ้นไทยมากขึ้น โดยให้สิทธิลดหย่อนภาษี
ดร.ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยกับ 'ฐานเศรษฐกิจ' ว่า ความคืบหน้าในการกำหนดวันเข้าพบกับทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนั้น ค่อนข้างมีความพร้อม
โดยการไปในครั้งนี้ ผ่านการนำของ สภาตลาดทุนไทย (FETCO) ร่วมกับ 7 องค์กร ประกอบด้วย สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC), สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO), สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA), สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA), สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (TIA), สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย (TLCA) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
โดยเตรียมยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการทันที เพื่อขอเข้าพบ 'ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ' ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรองนายกรัฐมนตรี เพื่อขอหารือในการหาแนวทางกระตุ้นตลาดทุนไทย เพื่อสร้างเสถียรภาพและความยั่งยืนในด้านต่างๆ
ทั้งนี้ หนึ่งในหมุดหมายสำคัญครั้งนี้ ประกอบด้วย การผลักดันแนวคิด TISA (Thailand Individual Savings Account) ที่เป็นบัญชีเงินออมเพื่อการลงทุนในหุ้น ที่เปิดให้นักลงทุนที่ซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯได้สิทธิลดหย่อนภาษี
โดยมองว่าโครงการ TISA เป็นเครื่องมือที่ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนลงทุนในหุ้นไทยมากขึ้น รวมไปถึงการเสนอต่ออายุกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยาว (Super Saving Funds : SSF) ที่ครบกำหนดอายุในปี 2568
พร้อมเสนอนโยบายที่ผลักดันก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะโครงการจั๊มพ์ พลัส (Jump+) เนื่องด้วยเชื่อมั่นว่าเป็นโครงการที่สร้างการเติบโตที่ดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมและบริษัทจดทะเบียน ซึ่งล่าสุดมีบริษัทจดทะเบียนไทยเข้าสมัครรวม 50 บริษัท ถือเป็นสัญญาณที่ดีและมีโอกาสขยายตัวต่อเนื่อง
สำหรับโครงการ G-TOKEN จะเกิดขึ้นหรือไม่นั้น เบื้องต้นยังไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจน คงต้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่พิจารณาต่อไป เช่นเดียวกันกับโครงการ Bond Connect แพลตฟอร์มซื้อขายพันธบัตรรัฐบาล
แต่อย่างไรก็ตาม จากนี้คงต้องรอให้มีประกาศราชกิจานุเบกษาเผยแพร่พระบรมราชโองการโปรดเกล้า ครม.ชุดใหม่ ออกมาก่อน จึงจะสามารถขอกำหนดวันการเข้าพบเพื่อหารือในลำดับต่อไป ซึ่งทั้ง 7 องค์กรตลาดทุนก็อาจต้องมีการนัดประชุมกันอีกครั้งก่อนถึงกำหนดวันเข้าพบ
เมื่อถามว่าทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ภายใต้ 'นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส' ว่าที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนั้น พอใจมากน้อยแค่ไหน 'ดร.ศรพล' ตอบว่า พอใจเป็นอย่างมาก เพราะ ดร.เอกนิติ เป็นคนเก่งและมีความสามารถ เป็นผู้ที่ผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจเศรษฐกิจและตลาดทุนเป็นอย่างดี