หุ้นร่วง 1.6% หลัง Apple เปิดตัว iPhone 17 แบกรับต้นทุนผลิต–ภาษีทรัมป์

หุ้นแอปเปิล (Apple) ร่วงลง 1.6% หลังการประกาศราคาสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ นำโดย iPhone 17 และ iPhone Air โดยบริษัทยังคงตรึงราคาจำหน่าย แม้ต้องเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนการผลิตและมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ในยุคประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มภาระมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสปัจจุบัน

การคงราคาสะท้อนถึงกลยุทธ์ของ Apple ที่เลือกแบกรับภาระภาษี เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งสำคัญอย่าง ซัมซุง กูเกิล และผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจากจีน ขณะที่นักลงทุนในวอลล์สตรีตจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่าบริษัทจะปรับขึ้นราคาเพื่อชดเชยต้นทุนหรือไม่

ในงานเปิดตัวประจำปี Apple เผยโฉม iPhone Air รุ่นใหม่ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ความหนาแน่นสูงและชิปประมวลผล A19 Pro ที่ได้รับการปรับแต่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานและการทำงานให้เหมาะกับแบตเตอรี่ที่บางลง โดยมีราคาเริ่มต้น 999 ดอลลาร์ และถูกวางตำแหน่งไว้กึ่งกลางระหว่างรุ่นอื่น ๆ ตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์

ทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า นี่คือการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ที่สุดของ iPhone พร้อมระบุว่า iPhone Air ถือเป็นรุ่นที่ทนทานที่สุดเท่าที่เคยผลิตมา ซึ่งนับเป็นการตอบโต้การแข่งขันกับซัมซุงที่วางตลาดสมาร์ทโฟนบางเฉียบมาก่อนหน้านี้แล้ว

นอกจาก iPhone Air แล้ว Apple ยังเปิดตัว iPhone 17 และ iPhone 17 Pro โดยรุ่นพื้นฐานความจุ 256 กิกะไบต์ ราคาเริ่มต้น 799 ดอลลาร์ เท่ากับ iPhone 16 ที่มีความจุเพียงครึ่งเดียว ส่วนรุ่น Pro ราคาเริ่มต้น 1,099 ดอลลาร์ สำหรับความจุ 256 กิกะไบต์เช่นกัน แต่ตัดตัวเลือกความจุน้อยกว่าที่เคยตั้งราคาไว้ 999 ดอลลาร์ออกไป

Apple ยังเปิดตัว AirPods Pro รุ่นใหม่ และ Apple Watch ที่เพิ่มฟีเจอร์วัดความดันโลหิต โดยไม่ได้ปรับขึ้นราคาของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว