แนะวิธีแกะรอยหุ้นสื่อสาร อ่านงบอย่างไรให้เห็นโอกาสลงทุน

06 ก.ย. 2568 | 00:30 น.

แกะรอยหุ้นสื่อสาร ลงทุนใหญ่ กำไรต้องรอ แต่เมื่อผ่าน 'จุดคุ้มทุน' กำไรเติบโตแบบก้าวกระโดด จับตารายได้ อัตรากำไรขั้นต้น และการต่อยอดธุรกิจใหม่ อาจส่งสัญญาณการเติบโตในอนาคต

KEY

POINTS

  • หุ้นสื่อสารมีลักษณะเฉพาะคือใช้เงินลงทุนสูงในช่วงแรก ทำให้รายได้เติบโตช้าจนกว่าจะถึงจุดคุ้มทุน ซึ่งหลังจากนั้นกำไรจะเติบโตแบบก้าวกระโดด
  • การวิเคราะห์ต้องเข้าใจวงจรธุรกิจ ตั้งแต่ช่วงประมูลคลื่น การก่อสร้าง และการแข่งขัน โดยต้องติดตามตัวเลขสำคัญ เช่น จำนวนผู้ใช้บริการ (Subscribers) และรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้ (ARPU)
  • สัญญาณในงบการเงินที่บ่งชี้ถึงการเติบโตคือรายได้ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องและอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นตัวบอกว่าบริษัทถึงจุดคุ้มทุนแล้ว
  • ควรพิจารณาโอกาสเติบโตใหม่ๆ ของบริษัทนอกเหนือจากธุรกิจหลัก เช่น อินเทอร์เน็ตบ้าน หรือการต่อยอดจากฐานลูกค้าเดิมเพื่อประเมินศักยภาพในระยะยาว

หุ้นในกลุ่มสื่อสารเป็นอีกหนึ่งกลุ่มหุ้นที่นิยมสำหรับนักลงทุน เนื่องจากเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของผู้คนอย่างแยกไม่ออก การวิเคราะห์หุ้นกลุ่มนี้จึงมีความน่าสนใจ เพราะมีลักษณะเฉพาะในงบการเงินที่ไม่เหมือนกับหุ้นกลุ่มอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการลงทุนขนาดใหญ่ในช่วงเริ่มต้น

ส่งผลให้สินทรัพย์ส่วนใหญ่เป็นสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน และมีรายได้ที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นแบบ 'น้ำซึมบ่อทราย' จนกว่าจะถึงจุดคุ้มทุน ซึ่งเมื่อบริษัทสามารถทำกำไรได้เกินกว่าต้นทุนคงที่แล้ว กำไรจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด

ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุนหุ้นกลุ่มนี้ควรพิจารณาให้ครบถ้วน เพื่อให้สามารถเข้าใจงบการเงินและมองเห็นสัญญาณของการเติบโตที่แท้จริงได้ โดยเฉพาะลักษณะเฉพาะของงบการเงิน และสัญญาณที่บ่งบอกถึง 'จุดคุ้มทุน' ที่จะทำให้กำไรเติบโตแบบก้าวกระโดด

การลงทุนขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เวลา

ธุรกิจสื่อสารเป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ในช่วงแรกต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากทั้งในส่วนของค่าใบอนุญาตและโครงข่ายเพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ด้วยเหตุนี้เอง สินทรัพย์ส่วนใหญ่ในงบการเงินของบริษัทกลุ่มนี้จึงเป็นสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนซึ่งมีอายุการใช้งานมากกว่า 1 ปี และจะถูกทยอยตัดเป็นค่าใช้จ่ายตามอายุของสัมปทาน

รายได้ของธุรกิจนี้จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นคล้าย 'น้ำซึมบ่อทราย' ผู้ประกอบการจะต้องเพิ่มจำนวนลูกค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อไปให้ถึง 'จุดคุ้มทุน' ซึ่งเป็นจุดที่รายได้ครอบคลุมต้นทุนคงที่ทั้งหมด เช่น ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย หลังจากที่ผ่านจุดนี้ไปได้แล้ว จำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นมาใหม่จะกลายเป็นกำไรเกือบทั้งหมด ทำให้กำไรของบริษัทเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด นักลงทุนที่ถือหุ้นในช่วงนี้จึงมักจะได้รับผลตอบแทนที่ดี

แนะวิธีแกะรอยหุ้นสื่อสาร อ่านงบอย่างไรให้เห็นโอกาสลงทุน

วิวัฒนาการและการแข่งขันในธุรกิจสื่อสาร

ธุรกิจสื่อสารมีความเกี่ยวข้องกับการประมูลงานโครงการจากภาครัฐ ซึ่งนักลงทุนควรทำความเข้าใจแต่ละช่วงเวลาสำคัญ

  • ช่วงประมูลคลื่นความถี่ เป็นช่วงที่นักลงทุนจับตาดูเป็นพิเศษ หากมีการแข่งขันสูง ราคาประมูลก็จะสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนของบริษัทแพงขึ้น และจุดคุ้มทุนก็จะยาวนานขึ้นตามไปด้วย ในช่วงนี้การลงทุนจะคึกคักจากการเก็งกำไร
  • ช่วงก่อสร้าง หลังจากประมูลได้แล้ว บริษัทจะเร่งลงทุนสร้างโครงข่าย ในช่วงนี้ราคาหุ้นสื่อสารมักจะเงียบๆ แต่หุ้นของบริษัทรับเหมาวางระบบเครือข่ายอาจคึกคักแทน
  • ช่วงเปิดใช้งานและแข่งขัน เมื่อเริ่มเปิดใช้งานเครือข่ายใหม่ จะมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อแย่งชิงลูกค้า เช่น การลดราคาค่าเครื่อง หรือโปรโมชั่นย้ายค่าย ตัวเลขสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ จำนวนผู้ใช้บริการ หรือ Subscribers (ประกอบด้วยลูกค้าแบบเติมเงิน (Pre-paid) และรายเดือน (Post-paid) โดยบริษัทจะพยายามดึงลูกค้าให้มาใช้แบบรายเดือนมากขึ้น เพราะเป็นรายได้ประจำ และ ARPU หรือ Average Revenue Per User (รายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการต่อเบอร์ ในช่วงหลังที่จำนวนเบอร์เริ่มมีมากกว่าจำนวนประชากร การแข่งขันด้านราคาสูงขึ้น ทำให้ ARPU มีแนวโน้มลดลง)
  • ช่วงปลายสัมปทานหรือใบอนุญาต เป็นช่วงที่นักลงทุนต้องระมัดระวัง เพราะหากบริษัทประมูลไม่ได้ รายได้และกำไรอาจหายไปได้ อย่างไรก็ดี ธุรกิจนี้มีคู่แข่งน้อยรายและสินค้ายังเป็นที่ต้องการ ทำให้สามารถประมูลใบอนุญาตใหม่ได้เรื่อยๆ

สัญญาณบ่งชี้ถึงกำไรเติบโตแบบก้าวกระโดด

เนื่องจากต้องลงทุนในเทคโนโลยีใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้กำไรของหุ้นกลุ่มนี้จะมีการหดตัวและเพิ่มขึ้นเป็นรอบๆ ในช่วงแรกกำไรจะหดตัวเพราะต้องลงทุนสูง แต่เมื่อจำนวนลูกค้าถึงจุดคุ้มทุน กำไรจะเติบโตอย่างรวดเร็ว สัญญาณในงบการเงินที่บอกว่าบริษัทมีรายได้ถึงจุดคุ้มทุนแล้ว ได้แก่

  • รายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นการแสดงว่าบริษัทสามารถเพิ่มจำนวนลูกค้าได้สำเร็จ
  • อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น เมื่อมีลูกค้ามากขึ้น ต้นทุนต่อหน่วยจะลดลง ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น

เมื่อเกิดสัญญาณทั้งสองนี้ จะส่งผลให้กำไรสุทธิ (Net Profit Margin) เติบโตอย่างรวดเร็วตามมา

แนวโน้มการเติบโตที่ยังไม่สิ้นสุด

แม้คนไทยเกือบทุกคนจะมีเบอร์โทรศัพท์แล้ว แต่ธุรกิจนี้ก็ยังคงหาช่องทางการเติบโตได้ต่อเนื่อง จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปเป็นการใช้ข้อมูล (Data) มากขึ้น ทำให้เกิดธุรกิจต่อยอดที่สร้างรายได้เพิ่มขึ้น เช่น

  • อินเทอร์เน็ตบ้านแบบใยแก้วนำแสง
  • บริการเสริมต่างๆ เช่น ช่องทางการรับชมกีฬา ภาพยนตร์
  • การต่อยอดไปสู่ธุรกิจอื่นจากฐานลูกค้าขนาดใหญ่ เช่น ธนาคารไร้สาขา หรือ Datacenter

ข้อควรพิจารณาการลงทุนหุ้นสื่อสาร

การลงทุนในหุ้นกลุ่มสื่อสารยังคงเป็นธุรกิจที่มีอนาคตที่ดี แม้จะไม่ใช่หุ้นที่เติบโตหวือหวา แต่บริษัทเหล่านี้ก็ยังคงมองหาช่องทางในการสร้างรายได้เพิ่มเติมจากฐานลูกค้าจำนวนมหาศาลที่มีอยู่ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุนหุ้นกลุ่มสื่อสาร ควรพิจารณาข้อมูลเบื้องต้น ดังนี้

  • ทำความเข้าใจวงจรธุรกิจ ทำความเข้าใจว่ากำไรของบริษัทกลุ่มนี้จะมีการเติบโตเป็นรอบ ๆ ตามช่วงการประมูลและลงทุน อย่าตกใจหากเห็นกำไรลดลงในช่วงที่ต้องลงทุนหนัก และเตรียมพร้อมรับผลตอบแทนที่ดีเมื่อบริษัทถึงจุดคุ้มทุน
  • ติดตามสัญญาณสำคัญ ให้ความสำคัญกับการเติบโตของรายได้และอัตรากำไรขั้นต้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการถึงจุดคุ้มทุนและโอกาสที่กำไรจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด
  • มองหาโอกาสใหม่ๆ พิจารณาว่าบริษัทที่สนใจมีการต่อยอดธุรกิจอย่างไรบ้าง นอกเหนือจากบริการหลักเช่น บริการอินเทอร์เน็ตบ้าน หรือธุรกิจที่ใช้ฐานลูกค้าเดิมในการสร้างรายได้ใหม่ เพื่อประเมินศักยภาพการเติบโตในระยะยาวของบริษัท

 

 

 

แหล่งที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย