นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดมุมมองต่อ 'ฐานเศรษฐกิจ' ว่า จากกรณีความขัดแย้งภายในครอบครัวของผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT นั้น ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ว่าจะจบลงรูปแบบไหน และจบลงเมื่อไหร่
ทั้งนี้ กรณีตัวอย่างนอกจาก DUSIT แล้วก็ยังมีอีกหลายกรณีที่เกิดขึ้นกับบริษัทจดทะเบียนไทย หรือแม้กระทั่งบริษัทขนาดกลางและเล็กที่อยู่นอกตลาดฯ ที่เป็น 'ธุรกิจครอบครัว (Family Business)' เป็นเรื่องที่จัดการได้ยาก หากไม่วางรากฐานที่ดีมาตั้งแต่แรก
ส่วนตัวมองว่าปัญหาเรื่อง Family Business เป็นเรื่องที่ยากในการบริหารจัดการ เพราะธุรกิจที่สนใจจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่วนใหญ่มักมองด้วยโลกสวยและแบ่งสัดส่วนหุ้นด้วยความเกรงใจ ในระยะแรกเริ่มทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีก็ดีใจ แต่นานวันเข้าเรื่องเหล่านี้จะกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง เพราะด้วยความคิดเห็นที่เริ่มแตกต่างกัน รวมถึงไม่มีความรู้ แนวคิด กลยุทธ์ และวิธีการบริหารจัดการธุรกิจครอบครัว ที่ดี นำไปสู่ความขัดแย้งภายในครอบครัว
ปัญหาเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ มองเห็น และให้ความสำคัญในการสร้างองค์ความรู้ให้กับธุรกิจครอบครัวไทย ทั้งเรื่องการจัดโครงสร้างการดำเนินธุรกิจ การจัดสรรผลประโยชน์สมาชิกครอบครัว การวางแผนสืบทอดกิจการ และการบริหารความมั่งคั่งของธุรกิจและของครอบครัว
ธรรมชาติของธุรกิจครอบครัวทั่วโลก มีความท้าทายที่เหมือนกัน คือ การขัดแย้งกันเองภายในครอบครัว จากหลากหลายสาเหตุที่ส่งผลให้ธุรกิจครอบครัวไม่สามารถไปต่อได้ด้วยดี หรือมักจบลงภายในเวลาไม่กี่รุ่น
นั่นหมายความว่า ธุรกิจครอบครัวจำเป็นต้องมีการจัดโครงสร้างที่ดี ทั้งการจัดโครงสร้างการถือหุ้น โครงสร้างการบริหารจัดการ และต้องมีการสื่อสารกันอย่างใกล้ชิด มีกระบวนการแก้ไขกรณีเกิดความขัดแย้ง ที่สำคัญต้องเปลี่ยน Mindset ในการทำธุรกิจ
โดยผู้นำธุรกิจปัจจุบันอาจต้องให้รุ่นใหม่เข้ามาเรียนรู้และมีบทบาทในการบริหารจัดการธุรกิจมากขึ้น