ทุนต่างชาติเมินกลับเข้าไทย กูรูชี้ปัจจัยพื้นฐานอ่อนแอ

05 มิ.ย. 2568 | 09:25 น.
อัปเดตล่าสุด :05 มิ.ย. 2568 | 09:25 น.

บล.พาย เผยแม้เจรจาการค้าทรัมป์-สี จิ้นผิง ยืดเยื้อ ตลาดหุ้น-ทองคำ ถูกกดดันเล็กน้อย ชี้ทุนต่างชาติเมินกลับเข้าไทย หลังปัจจัยพื้นฐานอ่อนแอ งบไม่โดดเด่น แนะถือเงินสด 60%

จากกรณีที่ "โดนัลด์ ทรัมป์" ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า การเจรจากับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของประเทศจีนเป็นเรื่องที่ยากลำบาก เนื่องจากเป็นผู้นำที่ค่อนข้างแข็งกร้าวและต่อรองได้ยาก ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวลว่าปัจจัยดังกล่าวจะเพิ่มแรงกดดันต่อตลาดสินทรัพย์เสียงมากยิ่งขึ้นหรือไม่นั้น
 
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า หากสังเกตุช่วงที่ "ทรัมป์" โพสต์ระบุเกี่ยวกับการเจรจากับจีนที่เป็นไปค่อนข้างยาก ในขณะที่สินทรัพย์ต่างๆ ในวันนี้ (5 มิ.ย.68) ดูจะไม่ได้ตอบรับใดๆ มองว่าจะเป็นปัจจัยกดดันเล็กน้อยต่อตลาดหุ้นไทย

โดยจะเห็นได้ว่าตลาดหุ้นไทยเปิดทำการวันนี้กลับยืนแดนบวกได้และต่อเนื่องจนถึงภาคบ่าย ในระหว่างวันดัชนีแกว่งตัวในกรอบสูงสุดและต่ำสุดที่ระดับ 1,145.01 - 1,135.10 จุด หลังจากที่วานนี้ (4 มิ.ย.68) ดัชนีปรับตัวลดลงไปอย่างนักถึง 18 จุด

"ซึ่งอาจสะท้อนว่าการเจรจาระหว่างสหรัฐฯกับจีนอาจไม่ง่ายดาย ในแง่ของราคาทองคำก็เช่นกันในช่วงที่ทรัมป์ ระบุโพสต์ดังกล่าวก็ไม่ได้มีนัยยะใดๆ กับราคาทองคำ โดยราคาทองคำกำลังจับตารอดูหลายๆ สถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED), ยูเครน – รัสเซีย รวมไปถึงการค้าระหว่างสหรัฐฯกับนานาประเทศ"

ในด้านกระแสเงินทุนต่างชาติยังไม่มีทีท่าจะเข้าตลาดหุ้นไทย ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่ยังอ่อนแอทั้งเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) นอกจากนี้ บริษัทในไทยก็ยังขาดความน่าสนใจ ดังนั้นแล้ว Fund Flow ที่ไหลออกไปเชื่อว่ากระจายไปยังหลายๆ ที่ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และยุโรป สะท้อนผ่านการปรับขึ้นของดัชนีในช่วงที่ผ่านมา

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนนั้น ทางฝ่ายแนะนำนักลงทุนอาจเลือกถือเงินสดสัดส่วนมาก 50-60% เพื่อรอจังหวะซื้อกลับทั้งหุ้นไทยและหุ้นโลก โดยหุ้นไทยแนะนำ MINT ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท และ BDMS ราคาเป้าหมาย 26 บาท