“ทรีนีตี้” ชี้ครึ่งแรกเดือนมิ.ย. มีลุ้นรีบาวด์ ชู 5 กลุ่มหุ้นเด่นน่าลงทุน

04 มิ.ย. 2568 | 09:06 น.
อัปเดตล่าสุด :04 มิ.ย. 2568 | 09:06 น.

บล.ทรีนีตี้ ประเมิน SET เดือนมิ.ย.ครึ่งเดือนแรกลุ้นรีบาวด์ หลังจบการปรับพอร์ตตาม MSCI ส่วนครึ่งเดือนหลังการเมืองร้อน แนะ 5 กลุ่มหุ้นลงทุนได้

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรินิตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยเดือนมิถุนายน 2568 ว่า ภาพตลาดหุ้นไทยในเดือนมิถุนายนนี้ ประเมินมีโอกาสแกว่งรีบาวด์ขึ้นได้ในช่วงครึ่งเดือนแรก หลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาการปรับพอร์ตตามดัชนี MSCI ของนักลงทุนต่างชาติ และยังไม่มีปัจจัยข่าวร้ายด้านสงครามการค้ามากนัก

แต่พอก้าวเข้าสู่ช่วงกลางเดือน อาจต้องใช้ความ ระมัดระวังมากขึ้น จากปัจจัยการเมืองในประเทศที่อาจเริ่มมีความผันผวนมากขึ้น และปัจจัยเชิงเทคนิคในช่วง ปลายเดือนที่นักลงทุนสถาบันในประเทศอาจมีการทยอยลดน้ำหนักหุ้น DELTA เพื่อรองรับกับการคำนวณดัชนี รูปแบบใหม่ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป

ประเมินกรอบการแกว่งตัวของ SET เดือนนี้มีแนวรับอยู่ที่ 1,130 และ 1,100 จุด ส่วนแนวด้านที่ 1,180 และ 1,210 จุด แนะนำนักลงทุนในใช้กลยุทธ์ “ขึ้นขาย-ลงซื้อ” ตามกรอบแนวด้านแนวรับดังกล่าว ทั้งนี้ ปัจจัย คาดหวังที่อาจเป็นตัวช่วยประคอง SET ในเดือนนี้ได้แก่ เม็ดเงินใหม่ที่ไหลเข้าสู่กองทุน Thai ESGX ในช่วงโค้งสุดท้าย

ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรินิตี้ จำกัด

กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจประจำเดือนนี้ 

  1. กลุ่ม Global cyclical ที่อิงกับภาพเศรษฐกิจโลก ซึ่งเราประเมินว่าจะมีความเสี่ยง Downside risk จำกัดมากกว่าเศรษฐกิจไทย ได้แก่ PTTGC, SCC, HANA 
  2. หุ้นโรงแรมที่มีการกระจายรายได้ไปยังต่างประเทศในระดับสูง ได้แก่ MINT 
  3. กลุ่ม Defensive ภายในประเทศ ที่ Valuation อยู่ในโซนต่ำ เช่น BDMS, CPALL, GPSC 
  4. กลุ่มหุ้นที่เราคาดการณ์ว่าจะถูกนำเข้าสู่ดัชนี SET50 ในรอบถัดไป ได้แก่ BCP, TCAP 
  5. หุ้นขนาดใหญ่ที่จะได้ประโยชน์จากการเกลี่ยน้ำหนักออกจากหุ้น DELTA ได้แก่ ADVANC

ติดตามปัจจัยสำคัญในเดือนนี้

  • พัฒนาการของการของสงครามการค้า อาทิ คำตัดสินของศาลอุทธรณ์สหรัฐฯต่อความชอบธรรมใน การเก็บภาษีของปธน.ทรัมป์ การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับประเทศต่างๆ ก่อนหน้าจะครบกำหนดการเจรจาภาษี Reciprocal tariff 90 วันในวันที่ 9 กรกฎาคม 
  • พัฒนาการของปัจจัยการเมืองในประเทศ ทั้งความเป็นไปได้ของการปรับครม. คดีฮั้วสว. และการนัด ไต่สวนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีของ "ทักษิณ ชินวัตร" ในวันที่ 13 มิถุนายน รวมไปถึงปัจจัยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศระหว่างไทยกับกัมพูชา
  • การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 5 มิถุนายน ล่าสุดตลาดการณ์ว่าจะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก Deposit Facility ลงสู่ระดับ 2.00% จากเดิมที่ 2.25% 
  • การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ในวันที่ 16-17 มิถุนายน ซึ่งคาดว่า BoJ จะมีมติคงดอกเบี้ยต่อไปที่ระดับ 0.50% 
  • การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในวันที่ 17-18 มิถุนายน ซึ่งคาดว่า Fed จะมีมติคงดอกเบี้ยต่อไปที่ระดับ 4.25 -4.50% ทั้งนี้ แนะนำติดตามประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจ และรายงาน Dot plots ที่จะออกมาในครั้งนี้ 
  • การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันที่ 19 มิถุนายน ล่าสุดตลาดการณ์ว่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิม 4.25% ไปก่อน หลังจากเพิ่งปรับลดลงในการประชุมครั้งที่ผ่านมา 
  • การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย (กนง.) ในวันที่ 25 มิถุนายน ซึ่งคาดว่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไปก่อนที่ระดับ 1.75% หลังจากมีการปรับลดดอกเบี้ยลงมาแล้ว 2 ครั้งติดกัน ทั้งนี้ แนะนำติดตามคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจรอบใหม่ที่จะออกมาจากที่ประชุมครั้งนี้ด้วย 
  • โค้งสุดท้ายของกองทุน Thai ESGX ว่าจะมีเม็ดเงินใหม่ไหลเข้ามาสมทบตลาดหุ้นไทยตามที่หลายฝ่ายคาดหวังหรือไม่ 
  • การปรับลดน้ำหนักหุ้น DELTA ของกองทุน Passive/Index Funds ในประเทศช่วงปลายเดือน เพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนรูปแบบดัชนี SET50 และ SET100 ไปสู่ดัชนีแบบ Capped weight index มองปรากฏการณ์นี้ อาจกดดันดัชนี SET ในภาพรวมช่วงครึ่งหลังของเดือนมิถุนายนได้