จากกรณีที่ เจ้าเจริญ สิริวัฒนภักดี ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ได้ดำเนินการโอนหุ้นที่ตนถืออยู่ทั้งหมดในบริษัท ศรัทธาทรัพย์ 9 จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่มีอำนาจควบคุมกิจการ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC, บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) หรือ AWC และ บริษัท ไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จํากัด (มหาชน) หรือ TGH ทางอ้อม ให้แก่บุตรและธิดาทั้ง 5 ในสัดส่วนเท่าๆ กัน เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2568
โดยบุตรและธิดาทั้ง 5 ท่าน ประกอบด้วย ฐาปน สิริวัฒนภักดี, ปณต สิริวัฒนภักดี, อาทินันท์ พีชานนท์, วัลลภา ไตรโสรัส, และ ฐาปณี เตชะเจริญวิกุล ทำให้เป็นที่น่าสนใจว่า 3 บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ยักษ์ใหญ่ อย่าง BJC AWC และ TGH ที่อยู่ภายใต้การบริหารของทายาทเจ้าสัวเจริญที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง
จากการรวบรวมข้อมูลมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) ของทั้ง BJC AWC และ TGH พบว่า ในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2568 (ไตรมาส 1/68) มาร์เก็ตแคปของหุ้นทั้ง 3 บริษัทปรับตัวลดลงเช่นเดียวกัน โดย TGH ลดลงสูงสุดถึง 25% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน รองลงมา BJC ที่ -7.37% และ AWC -3.99%
นอกจากนี้ยังพบว่ามาร์เก็ตแคปในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (65-67) พบว่า หุ้นทั้ง 3 บริษัทมาร์เก็ตแคปลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของ AWC ลดลงสูงสุด 88,947.4 ล้านบาท หรือ -44.11% และ TGH ลดลง 5,634.74 ล้านบาท หรือ -37.08% และ BJC ลดลง 47,893.17 ล้านบาท หรือ -33.90% เมื่อเทียบกับปี 65 ตามลำดับ
มาร์เก็ตแคป BJC
ไตรมาส 1/68 : 90,576.21 ล้านบาท ลดลง 7,214.03 ล้านบาท หรือ -7.37% จากไตรมาส 1/67 ที่ 97,790.24 ล้านบาท
มาร์เก็ตแคป AWC
ไตรมาส 1/68 : 78,751.91 ล้านบาท ลดลง 52,468.43 ล้านบาท หรือ -3.99% จากไตรมาส 1/67 ที่ 131,220.34 ล้านบาท
มาร์เก็ตแคป TGH
ไตรมาส 1/68 : 9,250.80 ล้านบาท ลดลง 3,083.6 ล้านบาท หรือ -25% จากไตรมาส 1/67 ที่ 12,334.40 ล้านบาท
ในแง่ของผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/68 ที่ผ่านมา จากการรวบรวมข้อมูลพบว่า มีเพียง AWC เท่านั้นที่รายได้มีการเติบโตแตะที่ระดับ 4,663.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.83% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/67 ส่วน BJC รายได้อยู่ที่ 41,616.69 ล้านบาท ลดลง -0.83% และ TGH มีรายได้ 3,904 ล้านบาท ลดลง -0.66%
ด้านกำไรสุทธิไตรมาส 1/68 พบว่า BJC มีการเติบโตสูงสุด อยู่ที่ 1,091.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6663.4 ล้านบาท หรือ 155.10% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/67 ขณะที่ AWC มีกำไรสุทธิที่ 1,969.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 364.77 ล้านบาท หรือ 22.73% สำหรับ TGH มีกำไรสุทธิที่ 94.88 ล้านบาท ลดลง 141.63 ล้านบาท หรือ -59.88%
BJC
AWC
TGH
โดย BJC รายได้ในปี 67 เพิ่มขึ้น 7,324.25 ล้านบาท หรือ 4.47% ขณะที่กำไรสุทธิลดลง 1,009 ล้านบาท หรือ -20.13% และมีกำไรสะสมเพิ่มขึ้น 28,241.06 ล้านบาท หรือ 8.36% สำหรับการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น 0.14 บาท หรือ 21.21% เมื่อเทียบกับปี 65
ด้าน AWC รายได้ในปี 67 เพิ่มขึ้น 6,420.06 ล้านบาท หรือ 66.85% โดยกำไรสุทธิเติบโต 1,996.44 ล้านบาท หรือ 51.80% และกำไรสะสมที่ 8,330.45 ล้านบาท หรือ 80.43% ส่วนการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น 0.03924 บาท หรือ 364.68% เมื่อเทียบกับปี 65
ขณะที่ TGH รายได้ในปี 67 ลดลง 1,989 ล้านบาท หรือ -10.02% โดยกำไรสุทธิ ลดลง 1,321 ล้านบาท หรือ -75.44% และกำไรสะสม เพิ่มขึ้น 946.93 ล้านบาท หรือ 13.17% สำหรับการจ่ายปันผลนั้น TGH งดให้ปันผลมาตั้งแต่ปี 64 เป็นต้นมา
แต่อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าโลกในทุกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งด้วยความไม่แน่นอนของสงครามการค้าและการตอบโตทางภาษีของสหรัฐฯ ต่อนานาประเทศ มีผลกระทบอย่างมาต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ทำให้หลากหลายธุรกิจและอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบกันไม่มากก็น้อย
การเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนครั้งนี้ นับได้ว่าเป็นความท้าทายในการดำเนินธุรกิจ แต่อีกนัยหนึ่งคือเครื่องสะท้อนฝีมือที่สามารถสร้างการเติบโตให้กับผลการดำเนินงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง แม้ในยามที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตใหญ่ที่ยังมองไม่เห็นความชัดเจน