สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งในแบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 246-2) ว่า บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF มีการจำหน่ายหุ้น ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ออกมาจำนวน 9,145,900 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 0.3860% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดในกิจการ ซึ่งเป็นการขายในตลาดหลักทรัพย์ ผ่าน บล. บัวหลวง เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2568
โดยมีนางสาวเยาวฉัตรตะวัน ไชยะกุล ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ติดต่อประสานงานกับ ก.ล.ต. ในเรื่องดังกล่าว
ภายหลังการขายหุ้นดังกล่าว GULF ยังคงถือครอบหุ้นหุ้น KBANK ในจำนวน 109,607,100 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 4.6260% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดในกิจการ หล่นอันดับจากผู้ถือหุ้นใหญ่ลำดับที่ 3 ร่วงมานั่งลำดับที่ 4 เป็นที่เรียบร้อย จากเดิมมีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่จำนวน 118,753,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 5.0120%
ขณะที่ลำดับที่ 1-3 ได้แก่ บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จำนวน 328,388,687 หุ้น คิดเป็น 13.86% รองลงมือ คือ STATE STREET EUROPE LIMITED จำนวน 180,474,998 หุ้น คิดเป็น 7.62% และ SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED จำนวน 111,679,286 หุ้น คิดเป็น 4.71% ตามลำดับ
ทั้งนี้ หากรวมกับ นางนลินี รัตนาวะดี ซึ่งถือเป็นบุคคลที่กระทำการร่วมกัน ซึ่งถือหุ้น KBANK อยู่ก่อนแล้วในจำนวน 123,030 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 0.0051% จะทำให้ GULF ถือหุ้นใน KBANK จำนวนทั้งหมด 109,730,130 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 4.6312% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดในกิจการ
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น GULF ปิดตลาดวันที่ 27 พ.ค.2568 อยู่ที่ระดับ 46.25 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 1.60% จากปิดตลาดก่อนหน้า ในช่วงระหว่างวันราคาหุ้นแกว่งตัวขึ้นทำจุดสูงสุดและต่ำสุดที่ระดับ 47.00 - 46.25 บาท มีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 810.63 ล้านบาท
และในวันเดียวกันนั้น ราคาหุ้น KBANK ปิดตลาดที่ระดับ 161.00 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 1.53% ในช่วงระหว่างวันราคาหุ้นแกว่งตัวขึ้นทำจุดสูงสุดและต่ำสุดที่ระดับ 163.00 - 159.50 บาท มีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 3,237.06 ล้านบาท