WHA โชว์ผลงานไตรมาส 1/68 สุดพีค รับกำไรปกติพุ่ง 2.06 พันล้าน

09 พ.ค. 2568 | 11:26 น.
อัปเดตล่าสุด :09 พ.ค. 2568 | 11:26 น.

WHA ผลงานไตรมาส 1/68 ท็อปฟอร์ม กำไรปกติทะยาน 2.06 พันล้าน โต 61% จากปีก่อน “จรีพร จารุกรสกุล” ย้ำนิคมฯ ไทยยังน่าลงทุน แย้มยังมีรอเจรจากับลูกค้ากลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์จาก สหรัฐฯ-จีน-ยุโรป เพิ่ม

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวด ไตรมาส 1/68 บริษัทมีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 5,193 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,075 ล้านบาท

โดยเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 5,181 ล้านบาท และกำไรปกติ 2,065 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61%  เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน โดยปัจจัยที่ทำให้กำไรปกติมาจากการเติบโตของ 5 กลุ่มธุรกิจ ดังนี้

ดีมานด์โลจิสติกส์พุ่ง

ธุรกิจโลจิสติกส์ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารรวม 3,092,621 ตร.ม. สามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจให้เช่าและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ และส่วนแบ่งกำไรฯ และธุรกิจโมบิลิตี้ ทั้งสิ้น 533 ล้านบาท

และไฮไลท์สำคัญในไตรมาสแรกมีโครงการที่ได้รับการคัดเลือก (Award) จากบริษัทค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง และสินค้าตกแต่งบ้านชั้นนำ ที่มีความต้องการเช่าคลังสินค้าคุณภาพสูงประเภท Built-To-Suit พื้นที่ราว 40,000 ตร.ม. เป็นมูลค่าสัญญากว่า 1,600 ล้านบาท

ขณะเดียวกันยังมีสัญญาเช่าระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูง บนพื้นที่ประมาณ 35,000 ตร.ม. โดยเป็นการเซ็นสัญญากับลูกค้ารายใหญ่ อาทิ ผู้ผลิตชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผู้ผลิต/จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค และผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ เป็นต้น

"จากกรณีการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ส่งผลให้ลูกค้ามีความต้องการใช้พื้นที่คลังสินค้าสำรอง (Overflow) เพิ่มขึ้น ตอกย้ำความต้องการใช้พื้นที่คลังสินค้าที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง"

พร้อมกันนี้ บริษัทมุ่งขยายโครงการใหม่ในทำเลที่มีศักยภาพไทย เพื่อรองรับความต้องการใช้พื้นที่คลังสินค้าเพิ่ม ได้แก่ WHA Mega Logistics Center ชลหารพิจิตร กม.4 โครงการ 2, WHA Mega Logistics Center เทพารักษ์ กม. 21 เฟส 3 และ WHA Mega Logistics Center บางนาตราด กม. 23 Inbound รวมพื้นที่กว่า 380,000 ตร.ม.

ส่วนประเทศเวียดนาม บริษัทเปิดตัวศูนย์โลจิสติกส์เซ็นเตอร์ แห่งแรกของ WHA ภายในนิคมอุตสาหกรรมมินห์กวาง จังหวัดฮึงเอียน พื้นที่ 37,500 ตร.ม. และได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับรัฐบาลท้องถิ่นประจำจังหวัด Thanh Hoa เพื่อศึกษาการพัฒนาโครงการโลจิสติกส์ในพื้นที่ 300 ไร่ ซึ่งแผนการขยายดังกล่าวสอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตธุรกิจโลจิสติกส์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA

จ่อขายสินทรัพย์เช่าเข้า WHARTเพิ่ม

ขณะที่ทรัสต์เพื่อการลงทุน ในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) ในปีนี้ บริษัทมีแผนการขายทรัพย์สินและสิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHART รวมประมาณ 70,000 ตร.ม.มูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท

โดยล่าสุดบอร์ดได้อนุมัติการขายสิทธิการเช่าและสิทธิการเช่าช่วงอสังหาริมทรัพย์และทรัพย์สินอื่นที่เกี่ยวข้องของทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมให้กับกองทรัสต์ WHART เป็นพื้นที่รวม 32,524 ตร.ม. คิดเป็นมูลค่ารวม 808 ล้านบาท

ลูกค้าต่างชาติเรียงคิวเจรจา

ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ไตรมาส 1/68 มียอดขายที่ดิน จำนวน 876 ไร่ และยอด MOU อยู่ที่ 1,311 ไร่ และสามารถรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจที่ดินและการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในไตรมาส 1/68 รวม 3,606 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 69%

มีสาเหตุหลักจากยอดโอนที่ดินที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการปรับราคาขายที่ดินในช่วงที่ผ่านมา สอดคล้องกับการย้ายฐานการลงทุน/การผลิต (Relocation) มายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย ณ สิ้นไตรมาส 1/68 มียอดขายที่รอการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ให้กับลูกค้าที่สูงถึง 1,538 ไร่ สะท้อนถึงยอดขายที่ดินอุตสาหกรรมใหม่ที่มีเข้ามาต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินกับลูกค้าดาต้าเซ็นเตอร์รายใหญ่ เพิ่มอีก 1 โครงการ พื้นที่ราว 450 ไร่ และยังอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้ากลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์จากประเทศอเมริกา จีน และยุโรป รวมถึงกลุ่มลูกค้าชั้นนำรายใหญ่จากภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยเฉพาะบริษัทอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ ที่มีแผนการตั้งฐานการผลิตในไทย โดยเมื่อเร็วๆ นี้ มีการลงนาม MOU สำหรับการซื้อที่ดิน รวมกว่า 500 ไร่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

ณ ไตรมาส 1/68  WHA Group มีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้งหมด 16 แห่ง ทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม โดยพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยที่กำลังก่อสร้างและรอการพัฒนารวม 7 โครงการ บนพื้นที่ 9,681 ไร่

ล่าสุด มีการพัฒนาพื้นที่โครงการนิคมอุตสาหกรรม WHA Eastern Seaboard Industrial Estate 5 (WHA ESIE 5) เฟส1 พื้นที่กว่า 4,000 ไร่ ภายใต้แนวคิดนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศอัจฉริยะ “Smart Eco Industrial Estate” ที่มุ่งเน้นการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และการพัฒนาในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

ขณะที่ประเทศเวียดนาม มี 2 โครงการ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง พื้นที่รวม 2,297 ไร่ และอีก 1 โครงการ มีขนาดพื้นที่ 1,094 ไร่ อยู่ระหว่างการขออนุมัติใบอนุญาตลงทุน โดยช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับรัฐบาลท้องถิ่นประจำจังหวัด Thanh Hoa เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อพัฒนาเขตอุตสาหกรรม พื้นที่รวม 4,000 ไร่

สาธารณูปโภคโตแบบเสถียรภาพ

ธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ) ไตรมาส 1/68 ผลประกอบการธุรกิจน้ำยังมีแนวโน้มที่เติบโตต่อเนื่อง โดยรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในธุรกิจสาธารณูปโภคจากการดำเนินงานรวม เท่ากับ 747 ล้านบาท จากปริมาณยอดขายและบริหารน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศ เท่ากับ 40 ล้านลูกบาศก์เมตร

โดยแบ่งเป็นยอดจำหน่ายน้ำในประเทศไทย จำนวน 30.9 ล้านลูกบาศก์เมตร ลดลงเล็กน้อยจากงวดเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำดิบและน้ำเพื่ออุตสาหกรรมที่ลดลง ทั้งนี้ ปริมาณยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value-added Product) มีการเติบโตอย่างโดดเด่น ปรับตัวเพิ่มขึ้น 29% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของลูกค้าใหม่

ขณะที่ยอดจำหน่ายน้ำในประเทศเวียดนาม ตามสัดส่วนการถือหุ้นเท่ากับ 9.1 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของยอดจำหน่ายน้ำของโครงการ Duong River ที่การขยายพื้นที่การให้บริการให้กับลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่

ธุรกิจไฟฟ้า ไตรมาส 1/68 บริษัทรับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์เท่ากับ 132 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้าจากการดำเนินงานเท่ากับ 176 ล้านบาท โดยธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ไตรมาสแรก มีจำนวนเซ็นสัญญาโครงการ Private PPA เพิ่มจำนวน 15 เมกะวัตต์

ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/68 มีจำนวนเซ็นสัญญาโครงการ Private PPA สะสมจำนวน 305 เมกะวัตต์ และมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 980 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้ว 704 เมกะวัตต์ (เป็นพลังงานหมุนเวียน 176 เมกะวัตต์) และที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 277 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการพลังงานหมุนเวียนทั้งหมด

“ไตรมาสแรก บริษัทมีปริมาณการขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รวม 49 กิกะวัตต์ต่อชั่วโมง เพิ่มขึ้น  44% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีโครงการระหว่างก่อสร้างที่คาดจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ กว่า 100 เมกะวัตต์ ส่วนโครงการจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff เฟส 1 จำนวน 5 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้น 125.4 เมกะวัตต์ ปัจจุบันมีการลงนามในสัญญาเสร็จสิ้นแล้วทุกโครงการ”

Digital Transformation

ธุรกิจดิจิทัล บริษัทมุ่งยกระดับสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี (Technology-driven Organization) จากการส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรในด้านนวัตกรรมดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง และการทำโครงการ Digital Transformation ในทุกมิติ

พร้อมทั้งมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ อาทิ การพัฒนา โมบิลิกส์ซอฟต์แวร์โซลูชัน ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับจัดการยานพาหนะไฟฟ้า (EV) และแบตเตอรี่ โดยบริษัทได้ตั้งเป้ายอดการใช้งาน แพลตฟอร์มที่ 900 คัน ภายในปี 2568 และได้เปิดให้บริการแอปพลิเคชัน WHASApp เพื่อเพิ่มความสะดวก รวดเร็วในการติดต่อสื่อสารระหว่างลูกค้าและทีมงาน WHA โดยบริษัทตั้งเป้าผู้ใช้งานภายในปีนี้ 4,000 ราย

ธุรกิจโมบิลิตี้ ไตรมาส 1/68 มียอดการให้บริการเช่ารถยนต์ไฟฟ้าสะสมรวม 360 คัน ทั้งนี้บริษัท เดินหน้าพร้อมให้บริการโมบิลิกส์ (Mobilix) ด้วยการสร้าง Built-to-Suit EV ecosystem of Logistics ที่ครอบคลุมทั้งระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าและการให้บริการอย่างครบวงจรรายแรกในประเทศไทย

ประกอบด้วย 3 บริการหลัก คือ บริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV Rental Service) เป็นบริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (On Premise & Public EV Charging Solution) บริการเครื่องชาร์จและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า โมบิลิกส์ซอฟต์แวร์โซลูชัน (Mobilix Software Solution) แพลตฟอร์มดิจิทัลอัจฉริยะ เพื่อตอบโจทย์การจัดการรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่  

บอร์ดไฟเขียวปันผลเพิ่ม 0.1237 บ.

นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติให้ WHA Group จ่ายเงินปันผลประจำปี 67 เพิ่มเติมอีก 0.1237 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ได้มีการขึ้นเครื่องหมาย XD ไปแล้วเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 68 ที่ผ่านมา และกำหนดจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 23 พ.ค. 68 นี้ สะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งของกลุ่มบริษัท

ขณะเดียวกัน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ A- แนวโน้ม “คงที่” สะท้อนถึงความสามารถในการดำเนินธุรกิจและสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท รวมถึงความสำเร็จจากการออกหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2568 มูลค่าเสนอขาย 4,000 ล้านบาท อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.69% โดยมียอดจองล้นเกินเป้ากว่า 2 เท่า