ดาวโจนส์ล่าสุดปิดบวก 20.10 จุด หลังนักลงทุนจับตาสงครามการค้า

26 เม.ย. 2568 | 01:33 น.
อัปเดตล่าสุด :26 เม.ย. 2568 | 01:33 น.

ดาวโจนส์ล่าสุดปิดบวก 20.10 จุด หลังนักลงทุนประเมินผลประกอบการ และจับตาสงครามการค้า ระบุรอบสัปดาห์บวก 2.48%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 40,113.50 จุด เพิ่มขึ้น 20.10 จุด หรือ +0.05% ,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,525.21 จุด เพิ่มขึ้น 40.44 จุด หรือ +0.74% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,382.94 จุด เพิ่มขึ้น 216.90 จุด หรือ +1.26%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์บวก 2.48%, ดัชนี S&P500 บวก 4.59% และดัชนี Nasdaq บวก 6.73%

ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่ม Magnificent Seven ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI)

ทั้งนี้ หุ้นหลัก 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 นั้น กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยและกลุ่มเทคโนโลยีนำตลาดปรับตัวขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มวัสดุร่วงลงมากที่สุดเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์

สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้นอัลฟาเบท (Alphabet) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ปรับตัวขึ้น 1.7% หลังรายได้จาก Google Cloud เพิ่มขึ้น 28% และบริษัทเน้นย้ำกับนักลงทุนว่า การลงทุนด้าน AI ได้เริ่มเห็นผลแล้ว

ส่วนหุ้นอินเทล (Intel) ร่วงลง 6.7% หลังบริษัทคาดการณ์รายได้และกำไรต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้

รัฐบาลจีนได้ยกเว้นภาษีนำเข้า 125% สำหรับสินค้าจากสหรัฐฯ บางรายการ แม้ปฏิเสธคำกล่าวอ้างของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เกี่ยวกับการเจรจา หลังจากที่ สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ผ่อนคลายสถานการณ์

ซึ่งนับเป็นสัญญาณล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่า สองประเทศที่มีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกกำลังลดระดับความตึงเครียดทางการค้า ซึ่งกดดันตลาดมาหลายสัปดาห์

บรรดานักลงทุนจับตาการรายงานผลประกอบการไตรมาสแรก โดยข้อมูลจาก LSEG บ่งชี้ว่า บริษัทในดัชนี S&P500 รายงานผลประกอบการออกมาแล้ว 179 บริษัท และในจำนวนนั้น 73% ทำผลงานได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

นักวิเคราะห์ประเมินว่า ผลประกอบการรวมของบริษัทใน S&P500 ในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค.ปีนี้จะเพิ่มขึ้น 9.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งดีกว่าที่เคยคาดไว้ที่ 8.0% เมื่อวันที่ 1 เม.ย.