การออกแบบระบบเทรดให้เหมาะสมกับตนเอง นอกเหนือจากกำไรที่มากพอ อีกเรื่องที่สำคัญคือ การลดลงสูงสุดของมูลค่าพอร์ตการลงทุน หรือเรียกว่า max drawdown ของระบบ อาจจะเป็นเรื่องนึงที่หลายๆ คนมองข้าม
Max Drawdown (MDD) หมายถึง การลดลงสูงสุดของมูลค่าพอร์ตการลงทุนจากจุดสูงสุดไปยังจุดต่ำสุดก่อนที่จะฟื้นตัว ซึ่งใช้วัดความเสี่ยงด้านขาลงของการลงทุน
สูตรการคำนวณ:
Max Drawdown= (มูลค่าต่ำสุดก่อนกลับตัว – มูลค่าสูงสุดก่อนจะลดลง) / มูลค่าสูงสุดก่อนจะลดลง x 100%
ตัวอย่างเช่น
Max Drawdown สำคัญอย่างไร:
ตัวอย่างการนำ max drawdown ใช้ในการประเมินระบบเทรด
ผู้เขียนแบ่ง max drawdown ดังนี้ โดยเทียบจากความเสี่ยง 1% คือทุกๆ ครั้งที่เทรดจะเทรดด้วยความเสี่ยง 1% ของมูลค่าของพอร์ท ดังนั้นหากทำการตัดขาดทุน 1%เท่าๆ กันทุกครั้ง
<-10% max drawdown ต่ำ
-10%- 30% max drawdown ปานกลาง
> -30% max drawdown สูง
> -50% max drawdown สูงมาก
หากมองในแง่ของสถานะของพอร์ท แสดงให้เห็นถึง
ตัวอย่างเช่น max drawdown = -10% พอร์ทจะเกิดการขาดทุนต่อเนื่อง 10 ครั้ง หรือ ได้ๆ โดนๆ ก็จะมากกว่า 10 ครั้ง และพอร์ทกลับมากำไรใช้เวลามากหรือน้อย ขึ้นกับ RR (Reward to Risk)
บางระบบ กำไรสูง max drawdown สูงเช่น 50% แสดงว่า วันนี้กำไรอาจจะเยอะ แต่หลังจากนั้นพอร์ท อาจจะลงไปเหลือ 50% ของพอร์ท หรือพอร์ทอยู่ในสถานะลดลง เป็นระยะเวลานานเช่นหลายๆ สัปดาห์ เพราะพอร์ทย่อลึก ใช้เวลาเยอะในการคืนกลับมา
หลังจากได้ค่า max drawdown ตรวจสอบตนเองว่า หากพอร์ทเกิดการย่อนาน เราสามารถทนได้หรือไม่ ทั้งนี้เป็นลักษณะหรือนิสัยของแต่ละคน ไม่มีระบบที่ดีที่สุด แต่เลือกสิ่งที่เหมาะสมกับตนเองก็จะอยู่กับระบบเทรดได้
หากจะเลือกระบบที่มี max drawdown ต่ำ แม้ว่า P/L (Profit/Loss) อาจจะต่ำ ก็ยังน่าสนใจ เพราะสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเทรด (Risk per trade) ทำให้ P/L มากขึ้นได้ แม้ว่า max drawdown สูงขึ้นตามกัน รวมทั้งระยะเวลาที่เกิด drawdown จะไม่นานมาก ถ้าเทียบกับ max drawdown ที่สูงตั้งแต่แรก