นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ PI เปิดเผยว่า กรณีที่ ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เผยแผนกระตุ้นความเชื่อมั่นตลาดหุ้นไทย เมื่อวันศุกร์ (7 มี.ค.68) ที่ผ่านมา
โดยหนึ่งในแนวทางสนับสนุนที่สำคัญอีกหนึ่งขา คือ การกระตุ้นตลาดทุนด้วยแนวคิดเพิ่มโครงการเพื่อการออมหุ้นระยะยาว หรือ TISA (Thailand individual saving) โดยให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นและนำเม็ดเงินเหล่านั้นมาลดหย่อนภาษี
เบื้องต้นเตรียมที่จะเสนอต่อกระทรวงการคลังในเร็วๆ นี้ ภายใต้ข้อแม้คือจะต้องถือจนถึงวัยเกษียณ สำหรับโมเดลข้างต้นนี้เคยเกิดขึ้นแล้วในตลาดหุ้นญี่ปุ่นภายใต้ชื่อว่า NISA หรือ Nippon Individual Saving Account กล่าวคือให้ประชาชน (นักลงทุนรายย่อย) เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นและนำเงินดังกล่าวไปลดหย่อนภาษี
ข้อมูลที่พบคือมูลค่าลงทุนผ่าน NISA สูงขึ้นเรื่อยๆ โดยปี 58 อยู่ที่ 6.4 ล้านล้านเยน ปี 63 อยู่ที่ 21.6 ล้านล้านเยน และปี 67 อยู่ที่ 45 ล้านล้านเยน เป็นต้น ผลกระทบต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่นพบว่า โครงการ NISA เกิดขึ้นในปี 57 และทำให้ในปีดังกล่าวตลาดหุ้น Nikkei +17% เทียบกับ MSCI world ที่ให้ผลตอบแทนเพียง 4.3%
แต่อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของฝ่ายวิเคราะห์มองว่าอาจยังต้องรอติดตามเกณฑ์อีกที หากกำหนดให้ถือหุ้นยาวจนเกษียณ ก็อาจเป็นระยะเวลาที่ยาวนานและอาจทำให้ผู้ลงทุนไม่ได้เยอะมาก แต่ทั้งนี้ คาดว่าหุ้นขนาดใหญ่จะรับผลบวก อาทิ หุ้นในกระดาน SET50 และ SET100 เป็นต้น
ด้าน นายประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ จำกัด เผยว่า มาตรการ TISA ที่ตลาดเผยว่าปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษานั้น เป็นมาตรการนี้มีแนวคิดส่งเสริมให้ประชาชนลงทุนในหุ้นไทยแทนการออมเงินในธนาคาร
โดยที่ผู้ลงทุนสามารถนำยอดเงินลงทุนในหุ้นมาใช้ลดหย่อนภาษีได้หากถือครองในระยะเวลาที่กำหนด อย่างไรก็ดี ด้วยมาตรการนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาและยังต้องเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณาอีกขั้นตอนหนึ่ง ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่ากระทรวงการคลังจะเห็นด้วยหรือไม่ เนื่องจากรัฐบาลอาจต้องสูญเสียรายได้จากภาษี