นายอิศรา นิโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมพิจารณาปรับแผนงานเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ เบื้องต้นจะเป็นเป้าหมายในระยะยาว นับตั้งแต่ช่วงปี 2568 - 2573 ซึ่งคาดว่าจะเปิดเผยแผนได้ในช่วงเดือนพ.ย. 2567 นี้
โดยแผนงานดังกล่าวประกอบด้วยกำลังการผลิตไฟฟ้า, โครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน โดยเฉพาะด้านพลังงานไฮโดรเจน แอมโมเนีย และด้านเทคโนโลยีพลังงาน เป็นต้น ทั้งนี้ เดิมทีบริษัทวางเป้าหมายภายในปี 2568 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมแตะไม่ต่ำกว่า 5,300 เมกะวัตต์ (MW)
ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตที่ราว 3,656 MW (รวมโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Ponder Solar ขนาด 2.5 MW ที่เริ่ม COD เมื่อวันที่ 19 ส.ค.2567 ที่ผ่านมา)
ทั้งนี้ บริษัทประเมินทิศทางในช่วงไตรมาส 3/2567 คาดว่าการดำเนินงานจะมีการเติบโตดีมากขึ้น หลักๆ เป็นผลจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (CCGT) ในสหรัฐฯ สามารถจ่ายไฟฟ้าได้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเข้าไฮซีซันฤดูร้อนส่งผลให้ความต้องการใช้พลังงานสูงกว่าปกติ ซึ่งจะทำให้ภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปี 2567 ปรับตัวได้ดีขึ้น
ส่วนเงินลงทุนในช่วง 3 ปี (2567-2569) บริษัทจัดเตรียมไว้ที่ประมาณ 500-700 ล้านดอลลาร์ เพื่อรองรับการเข้าซื้อกิจการ (M&A) เป็นหลัก คิดเป็นสัดส่วนกว่า 90% ของเงินลงทุนรวม โดยเฉพาะโรงไฟฟ้า CCGT ในสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในช่วงการสอบทานธุรกิจ (Due Diligence) ซึ่งหลังจากนี้บริษัทจะรุกกลุ่ม CCGT ในสหรัฐฯ มากขึ้น
"มองว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปี 67 ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่เราวางไว้ และคาดว่าผลกำไรในปีนี้จะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ระดับประมาณ 4,000 ล้านบาท หากไม่นับรวมรายการกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ประมาณ 1,300 ล้านบาทที่เข้ามาในปีก่อน โดยเฉพาะในไตรมาส 3/67 ที่เป็นไฮซีซัน ซึ่งจะเป็นอีกแรงหนุนให้ผลงานในช่วงปีหลังเราดีกว่าครึ่งแรกปี"
สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกปี 2567 ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ โดยบริษัทมีกำไรสุทธิ 1,659 ล้านบาท และมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) รวม 4,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 995 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนสำคัญเกิดจากปริมาณการขายไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นของโรงไฟฟ้าแฝด Temple l และ Temple ll ในสหรัฐอเมริกา
รวมถึงการรับรู้รายได้จากการเดินเครื่องที่มีประสิทธิภาพและมีค่าความพร้อมจ่ายไฟ (Equivalent Availability Factor: EAF) ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องของโรงไฟฟ้าเอชพีซี (HPC) ใน สปป.ลาว และโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี (BLCP) ในไทย อีกทั้งโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมในจีนยังรายงานผลการดำเนินงานที่ดีจากการบริหารต้นทุนเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ
พร้อมกันนี้ BPP บริษัทยังเดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในประเทศยุทธศาสตร์อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ติดตั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Ponder Solar ขนาด 2.5 MW ตั้งอยู่ในพื้นที่แหล่งก๊าซธรรมชาติ บาร์เนตต์ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา มีกำหนดเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์เมื่อ 19 ส.ค. 2567 นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนของ BPP ในสหรัฐฯ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
อีกทั้ง BPP ยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ Gemeng International Energy ในการร่วมพัฒนาธุรกิจพลังงานในรูปแบบใหม่ ธุรกิจระบบจัดเก็บพลังงาน และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด เพื่อขยายโอกาสการเติบโตของธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในประเทศจีน
ด้านธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานซึ่ง BPP ได้ลงทุนผ่านบ้านปู เน็กซ์ ในสัดส่วน 50% มีความคืบหน้าในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา โดยธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา ได้ลงนามสัญญาเพื่อผลิตและจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับพันธมิตรในประเทศต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีกำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุนรวม 100 MW
ธุรกิจแบตเตอรี่และระบบกักเก็บพลังงาน เริ่มสายการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนของโรงงาน SVOLT Thailand และส่งมอบแบตเตอรี่ลิเธียมนิกเกิลแมงกานีสโคบอลต์ออกไซด์ (NMC) ชุดแรกให้กับผู้ให้บริการรถบัสรายใหญ่ที่สุดในไทย ขณะที่โครงการแบตเตอรี่ฟาร์มอิวาเตะ โตโนะ (Iwate Tono) ในญี่ปุ่น มีความคืบหน้าในการก่อสร้างถึง 97%
ธุรกิจอีโมบิลิตี้ รถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า MuvMi เดินหน้าขยายเส้นทางการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันได้ให้บริการรับส่งแล้วมากกว่า 13 ล้านเที่ยว
ธุรกิจการบริหารจัดการพลังงาน ได้ลงนามในสัญญาบริการจำนวน 25 สัญญาให้แก่ SB Design Square ในจังหวัดภูเก็ต และ SB Design Square CDC ในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ หน่วยงาน Corporate Venture Capital ยังได้ลงทุนใน enspired ผู้นำในการพัฒนาแพลตฟอร์มให้บริการซื้อ-ขายพลังงานไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ ซึ่งจะช่วยพัฒนาศักยภาพด้านเทคโนโลยี AI ที่จะยกระดับการดำเนินงานในธุรกิจแบตเตอรี่และการซื้อขายพลังงานของบ้านปู เน็กซ์