CHAO ยิ้มราคาหุ้นเปิดเทรดวันแรกพุ่ง 25% แตะ 14.7 บาท ปักธงรายได้ปี67โต15%

09 ก.ค. 2567 | 05:30 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ก.ค. 2567 | 05:30 น.

CHAO เฮรับราคาเปิดเทรดวันแรกพุ่ง 25% แตะระดับ 14.70 บาท กางแผนปี 67 รายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อนที่ทำได้ 1.49 พันล้าน เล็งออกผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 15-20 รายการ หวังช่วยกระตุ้นยอดขายใหม่เพิ่ม มองครึ่งหลังปีผลงานดีกว่าครึ่งปีแรก

บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยวและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ ภายใต้แบรนด์ “เจ้าสัว” และแบรนด์ “โฮลซัม (Wholesome)” ได้เริ่มทำการเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันนี้ (9 ก.ค.67) เป็นวันแรก โดยที่ราคาเปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 14.70 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น 2.90 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นอัตราการขยายตัวที่ระดับ 24.57% จากราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายครั้งแรกแก่ประชาชนทั่วไป (IPO) ที่ระดับ 11.80 บาท/หุ้น

ณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO

นางสาวณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO เปิดเผยว่า ราคาหุ้น CHAO เปิดตลาดในวันนี้เป็นที่พอใจอย่างมาก และดีใจที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุนการนำหุ้นเข้ามาระดมทุนนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) นับว่าเป็นอีกก้าวที่สำคัญของบริษัท ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและเพิ่มขีดความสามารถในการขยายตลาดต่างประเทศใหม่ๆ ได้เพิ่มเติมในอนาคต รวมถึงช่วยผลักดันให้แบรนด์ ‘เจ้าสัว’ และ ‘โฮลซัม (Wholesome)’ ก้าวไปสู่ Global Brand ได้ตามแผนงานที่วางไว้

โดยในปี 2567 บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมไว้ที่ประมาณตัวเลข 2 หลัก หรือไม่น้อยกว่า 15% จากปีก่อน แรงขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทหลักๆ เป็นผลมาจากการเดินหน้าวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15-20 รายการ (SKUs) ต่อปี และคาดว่าการเติบโตของยอดขายและรายได้ในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะมีการขยายตัวที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกปี สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับการขยาาตัวของเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การส่งออก ตลอดจนการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐที่มีผลทำให้ การจับจ่ายใช้สอย การบริโภคภายในประเทศฟื้นตัวดีขึ้น

ขณะที่ตลาดต่างประเทศนั้น บริษัทยังคงมีความสนใจในการขยายตลาดในประเทศใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังเดินหน้าในการเพิ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพไปในตลาดหลักเดิมเพิ่มเติม โดยประเทศที่บริษัทมีการทำการตลาดอยู่แล้ว เช่น เอเชียแปซิฟิก สหรัฐฯ ฮ่องกง และจีน เป็นต้น ซึ่งบริษัทมุ่งขยายตลาดด้วยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการขยายตลาดใหม่ในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางอย่าง ดูไบ ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากเนื้อหมูและได้รับมาตรฐาน ฮาลาล (Halal) ประมาณ 20 SKU ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค อย่างไรก็ดี ปัจจุบันมีที่อยู่ระหว่างการพัฒนาในมือแล้วกว่า 200 รายการ (SKUs) ที่พร้อมทยอยเปิดตลาดกระตุ้นยอดขาย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

‘‘เจ้าสัว’ แต่งตัวพร้อมลุยระดมทุนเข้า SET รองรับขยายตลาดไทยและต่างประเทศ

วัตถุประสงค์ในการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อรองรับแผนลงทุนในการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ประกอบด้วย

  1. ก่อสร้างโรงงานโฮลซัมแห่งที่ 2 รวมถึงการจัดซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตของผลิตภัณฑ์ ประมาณ 2,000 ตันต่อปี รองรับการขยายตลาดส่งออกในต่างประเทศในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่เนื้อหมู (Non-Pork)
  2. ขยายกำลังการผลิตกลุ่มผลิตภัณฑ์ภายใต้โรงงานโฮลซัม โดยเพิ่มกำลังการผลิตของผลิตภัณฑ์ประมาณ 770 ตันต่อปี และเพิ่มกำลังการผลิตข้าวตังดิบประมาณ 600 ตันต่อปี รวมถึงผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวจากเนื้อสัตว์ทะเลประมาณ 600 ตันต่อปี
  3. พัฒนาระบบอัตโนมัติ (Automation) และการปรับปรุงระบบควบคุมคุณภาพ เพิ่มประสิทธิภาพ (Productivity) ในการผลิต และช่วยลดจำนวนพนักงานฝ่ายผลิต อาทิ เครื่องบรรจุอัตโนมัติ (Autopack) รวมถึงพัฒนาโปรแกรมสำหรับจัดการทางด้านคำสั่งซื้อขายและระบบโลจิสติกส์ และพัฒนาไลน์การผลิตสินค้าแครกเกอร์ธัญพืชให้เป็นแบบอัตโนมัติทั้งไลน์สำหรับโรงงานโฮลซัม และระบบตู้อบต่อเนื่องสำหรับสินค้าหมูแท่งสำหรับโรงงานเจ้าสัว 
  4. ขยายกำลังการผลิตกลุ่มผลิตภัณฑ์ภายใต้โรงงานเจ้าสัวและคลังสินค้า โดยเพิ่มกำลังการผลิตขนมขบเคี้ยวข้าวตังภายใต้โรงงานเจ้าสัว ประมาณ 870 ตันต่อปี และเพิ่มกำลังการผลิตขนมขบเคี้ยวประเภทเนื้อสัตว์แปรรูป 125 ตันต่อปี รวมถึงเพิ่มชั้นวางวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์พร้อมจำหน่าย และพัฒนาระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ (Warehouse Automation & Racking) เพื่อเพิ่มพื้นที่การจัดเก็บสินค้า ประมาณ 2.5 เท่าจากระบบ Racking ในปัจจุบัน 
  5. ลงทุนโครงการประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาของโรงงานโฮลซัมแห่งที่ 1, 2 และคลังวัตถุดิบ เพื่อช่วยประหยัดค่าพลังงานไฟฟ้า รวมทั้งปรับปรุงระบบความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน

ผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาของบริษัทมีแข็งแกร่งทั้งรายได้และกำไรสุทธิ โดยในปี 2564-2566 มีรายได้จากการขายที่ 1,135.1 ล้านบาท 1,413.6 ล้านบาท และ 1,493.4 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 14.7% ต่อปี ส่วนกำไรสุทธิในปี 2564-2566 อยู่ที่ 64.4 ล้านบาท 86.6 ล้านบาท และ 161.6 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 58.4% อีกทั้ง มีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ 5.6% 6.1% และ 10.7% ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิของบริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขาย การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale)

ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสที่ 1/2567 บริษัทมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 336.2 ล้านบาท เติบโต 4.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/2566 ปัจจัยมาจากการเติบโตของกลุ่มผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว (Snack) ส่วนกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2567 อยู่ที่ 26.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/2566 สะท้อนผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากการดำเนินตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ การขยายตลาดและฐานลูกค้า รวมทั้งการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน