บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ล่าสุด ( 9 ก.ค.67 ) ว่า วานนี้ (8 ก.ค.67) ยังคงเห็นเม็ดเงินต่างชาติทยอยเข้าหุ้นไทยต่อ โดยซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 384 ล้านบาท และซื้อสุทธิผ่าน NVDR 2,071 ล้านบาท รวมถึงปริมาณการ SHORT SELL ยังอยู่ระดับต่ำ 3.45%
สอดคล้องกับการศึกษาข้อมูลในอดีตเวลา ส่วนต่าง BOND YIELD 10 ปี ไทยกับสหรัฐแคบลง FUND FLOW มักจะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้น ในทางกลับกับหาก BOND YIELD 10 ปี ไทยถูกสหรัฐทิ้งห่าง FUND FLOW ก็มักจะไหลออก โดยทุกๆ ส่วนต่าง BOND YIELD 10Y แคบลง 5 ถึง 10 BPS. หนุนให้ FUND FLOW ไหลเข้าได้ราว 1 หมื่นล้านบาท แต่ถ้า ส่วนต่าง BOND YIELD 10Y กว้างขึ้น 5 ถึง 10 BPS. กดดัน FUND FLOW ไหลออก 1 หมื่นล้านบาท
ในมุม VALUATION ตลาดหุ้นไทยมี DIVIDEND YIELD (67F) อยู่ในระดับที่น่าสนใจ 4.1% คิดเป็น DIVIDEND YIELD GAP (DYG) 1.81% (BOND YIELD 1 ปี 2.37%) เทียบเท่าได้กับดัชนีที่เหมาะสมเกิน 1400 จุด แต่หากลดดอกเบี้ย 1-2 ครั้ง DYG จะเป็น 2.06% - 2.31% และระดับดัชนีที่เหมาะสมอยู่บริเวณ 1450 และ 1500 จุด ขึ้นไป ถือเป็นระดับที่จูงใจให้เม็ดเงินจากสินทรัพย์ปลอดภัยในประเทศไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดหุ้นได้เช่นกัน
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ได้ทำการค้นหา 20 หุ้นใหญ่ปันผลสูง น่าซื้อสะสมสำหรับนักลงทุนไทย และนักลงทุนต่างประเทศในช่วงนี้ ได้แก่