GFC มั่นใจดีมานด์ตลาดผู้มีบุตรยากยังโต เล็งเปิด 2 ศูนย์ใหม่ครึ่งปีหลัง

23 มิ.ย. 2567 | 23:00 น.

GFC ชี้อุตสาหกรรมให้บริการผู้มีบุตรยากยังมีดีมานด์อีกมาก กางแผนไตรมาส 3/67 เตรียมเปิด 2 สาขาใหม่ พร้อมขยายการให้บริการตรวจพันธุกรรมของตัวอ่อน NGS เชิงลึกเพิ่ม หนุนผลงานครึ่งปีหลังเด่น มั่นใจรายได้ปี 67 โตไม่ต่ำกว่า 20-30%

นาย หรือ GFC ผู้ให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีปัญหามีบุตรยาก เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากการที่ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ขณะที่พฤติกรรมของคนรุ่นใหม่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไป การวางแผนสร้างครอบครัว หรือการวางแผนมีลูก กว่าจะมีความพร้อมต้องใช้ระยะเวลานาน จนทำให้ปัญหาภาวะมีบุตรยากขยายตัวมากขึ้น

กรพัส อัจฉริยมานีกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)

โดยค่าเฉลี่ยในอดีตอุตสาหกรรมให้บริการปรึกษาและดูแลผู้มีบุตรยากในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 7-13% ต่อปี และคาดการณ์ว่าในอนาคตจะยังคงมีการเติบโตเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 7% ต่อปี ดังนั้น GFC จึงไม่หยุดพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อสร้างโอกาสในการมีบุตรเพิ่มมากขึ้น และเดินหน้าในการขยายสาขาใหม่รองรับความต้องการในต่างจังหวัดโดยเฉพาะที่มีการเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะมองเห็นโอกาสในการขยายตลาดต่างประเทศด้วยเช่นกัน

ในไตรมาส 3/2567 GFC มีแผนขยายสาขาใหม่ 2 แห่ง ได้แก่ สาขาพระราม 9 อินเตอร์เนชั่นแนล และ สาขาอุบลราชธานี ซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ สำหรับรองรับผู้เข้ารับการรักษาและเข้ารับคำปรึกษา ผู้มีบุตรยาก ทั้งกลุ่มคนไทยและต่างประเทศ ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีหลัง GFC จะมีสาขาครบ 3 สาขา ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการที่เข้ารับการรักษาผู้มีบุตรยากทั้งคนไทยและต่างชาติได้ครอบคลุมทุกมิติ

นอกจากนี้  ในช่วงที่ผ่านมา GFC ได้มีการแต่งตั้งนายหน้า (Agency) เพื่อดึงกลุ่มลูกค้าจากประเทศจีนเข้ามาใช้บริการให้เพิ่มมากขึ้น และมองว่าตลาดประเทศญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ก็เป็นอีกกลุ่มที่มีความน่าสนใจ แต่อย่างไรก็ดี บริษัทจะยังคงให้ความสำคัญและมุ่งเน้นในการขยายตลาดในประเทศเป็นหลัก โดยวางเป้าหมายในอนาคต 3-5 ปีข้างหน้าจะมีสัดส่วนรายได้จากลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้นมาเป็นไม่น้อยกว่า 30% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ในค่าเฉลี่ยตัวเลขหลักเดียวระดับต่ำ

GFC มั่นใจดีมานด์ตลาดผู้มีบุตรยากยังโต เล็งเปิด 2 ศูนย์ใหม่ครึ่งปีหลัง

 พร้อมกันนี้ ในช่วงไตรมาส 3/2567 GFC มีแผนขยายการให้บริการในการตรวจพันธุกรรมของตัวอ่อน NGS ที่เป็นการตรวจ “โครโมโซม” เพื่อเพิ่มโอกาสรอดและการเลี้ยงตัวอ่อนให้ประสบความสำเร็จในการฝังตัวในอนาคตได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตให้กับผลการดำเนินงานบริษัทได้มากขึ้นในอนาคตและส่งผลให้อัตราความสำเร็จ (Success Rate) ในการตั้งครรภ์ที่สูงขึ้น

สำหรับโครงสร้างรายได้ในปัจจุบัน ประกอบด้วยรายได้จากการรักษาด้วยวิธีการทำเด็กหลอดแก้ว หรือ ICSI สัดส่วนกว่า 70%, รายได้จากการตรวจพันธุกรรมของตัวอ่อน NGS ประมาณ 20% และอีก 10% เป็นรายได้จากการรักษาด้วยวิธี Intra-Uterine Insemination (IUI) และการฝากไข่ เป็นต้น

 

*รายได้ปี67โต30%

ส่วนรายได้ในปี 2567 นี้ บริษัทคาดว่าจะเติบโต 20-30% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 355.76 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 77.49 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส 1/2567 ผลการดำเนินงานได้ทำ All time high สร้างการเติบโตรายได้รวม 108.84 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 28.74 ล้านบาท แต่มองว่าในไตรมาส 2/2567 ผลงานอาจไม่สูงเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก เนื่องจากมีช่วงวันหยุดยาวเทศกาลที่มาก แต่มั่นใจว่าดีกว่าเมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนแน่นอน

และคาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปีนี้ จะดีมากกว่าเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกปี เนื่องจาก GFC มีการเปิดให้บริการ 2 สาขาใหม่ ทำให้อัตราการตรวจและรับเคสดูแลทำได้เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ดี 2 สาขาใหม่ดังกล่าวบริษัทคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนได้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี หรือภายในปี 2568

“การที่กระทรวงสาธารณสุข ประกาศนโยบายส่งเสริมการมีบุตร เป็นหนึ่งใน 13 นโยบายสำคัญของภาครัฐบาล หากมติดังกล่าวได้รับการอนุมัติก็จะส่งผลดีต่อภาคอุตสาหกรรมการให้บริการทางการแพทย์สำหรับ ผู้มีปัญหามีบุตรยากอย่างมีนัยสำคัญ และมองว่าเราเองก็จะได้รับอานิสงส์ไปด้วย” 

 

หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 4,003 วันที่ 23 - 26 มิถุนายน พ.ศ. 2567