ดัชนีหุ้นไทย นับตั้งแต่ต้นปี 67 ถึงปัจจุบัน ( YTD ) ปรับลดลงแล้ว 7.72% โดยดัชนี SET ณ วันที่ 14 มิ.ย.67 ปิดระดับ 1,306.56 จุด โดยทำจุดต่ำสุดระหว่างวัน 1,304.31 จุด (จากที่เคยทำจุดต่ำสุด 1,024.46 จุด ช่วงเกิดวิกฤตโควิดปี 2563) โดยปรับลดลงจากต้นปีนี้แล้ว 109.29 จุด ขณะที่ต่างชาติเทขายหุ้นไทยสุทธิ YTD สะสมกว่า 97,581 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส ( ASPS) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แรงกดดันทางการเมือง เดินหน้าเร็วกว่าความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและการเสริมประสิทธิภาพให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ สะท้อนได้จากคดีสำคัญๆ ทางการเมือง เริ่มตั้นตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค. 67 ทยอยสะสมมาเรื่อยๆ 4 คดี โดยมากระจุกให้เห็นความเปลี่ยนแปลงตัวพร้อมกันในวันที่ 18 มิ.ย. 67 นี้
แต่การสร้างเสถียรภาพต่อตลาดหุ้น ในช่วงปลายไตรมาสที่ 2 ยังไม่เห็นความคืบหน้าทั้ง UPTICK RULE , DYNAMIC PRICE BAND (DPB), การจำกัดจำนวนหุ้น SHORT SELL รวมถึงความคืบหน้าการจัดตั้งกองทุน LTF
ทั้งการเมืองแรง เสถียรภาพตลาดฯ ต่ำ นำไปสู่ FUND FLOW ต่างชาติไหลออกทุกวัน ทุกช่องทาง ตลอด 3 สัปดาห์ หรือ 16 วันทำการที่ผ่านมา ทั้งขายหุ้น ขายผ่าน PROGRAM TRADING และยัง SHORT SELL หนัก กดดัน SET INDEX ตกหนักอีก ซึ่งรายละเอียดแรงกดดันที่มากกว่าปกติมีดังนี้
พร้อมกับโครงสร้างตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ ปัจจุบัน ที่คอยช่วยพยุงหรือลดความผันผวนให้ตลาดฯ นั้นเปราะบางลงกว่าในอดีตมาก สะท้อนได้จากข้อมูล 2 ส่วน ดังนี้
สรุป ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา SET INDEX ที่อยู่ในระดับใกล้จุดต่ำสุดในรอบ 4 ปี พร้อมกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลงไปมาก ทั้งในมุมเศรษฐกิจและเสถียรภาพตลาดฯ ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน !!!