สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) รายงานหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในครึ่งหลังปี 2567 (ก.ค.- ธ.ค. 67) พบว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 447,203 ล้านบาท จำนวนนี้เป็นกลุ่ม high yield (หุ้นกู้ที่เรตติ้งต่ำกว่า BBB- รวมทั้งกลุ่มนอนเรต ) 51,468 ล้านบาท คิดเป็น 11.51% ที่เหลือส่วนใหญ่ 88.49% เป็นหุ้นกู้กลุ่ม Investment grade จำนวน 395,735.32 ล้านบาท แยกเป็นหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในไตรมาส 3/67 และไตรมาส 4/67 จำนวน 233,552.66 ล้านบาท และ 213,651.18 ล้านบาทตามลำดับ จำนวนนี้เป็นหุ้นกู้กลุ่มไฮยีลด์ 29,202.38 ล้านบาท และ 22,265.14 ล้านบาท ตามลำดับ
"ฐานเศรษฐกิจ" ได้โฟกัสสำรวจหุ้นกู้ไฮยีลด์กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ที่กำลังถูกจับตามอง ทั้งจากประเด็นผลประกอบการในครึ่งแรกปี 67 ที่ไม่สู้ดี จากปัญหากำลังซื้อและปัญหาสภาพคล่อง พบว่าใน 6 เดือนหลังปีนี้ หุ้นกู้กลุ่มนี้ที่จะครบกำหนดมีราว 32 ชุด จาก 15 บริษัท รายละเอียดดังนี้
"15 หุ้นกู้"ไฮยิลด์บอนด์ กลุ่มอสังหาฯ 26,046.46 ล้านบาท ครบกำหนดครึ่งหลังปี 67
บจก.แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น (MQDC) 4 ชุด วงเงินรวม 8,798.90 ล้านบาท
บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) 1 ชุด วงเงินรวม 3,231.20 ล้านบาท
บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) มี 3 ชุด วงเงินรวม 2,988.60 ล้านบาท
บริษัท ริสแลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด (RLTH) มี 3 ชุด วงเงิน 1,604.40 ล้านบาท
บมจ.ไซมิส แอสเสท ( SASST ) มี 3 ชุด วงเงินรวม 1,530.90 ล้านบาท
บมจ.เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ( MJD ) มี 2 ชุด วงเงินรวม 1,300 ล้านบาท
บมจ.เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ (NVD) มี 2 ชุด วงเงิน 1,115 ล้านบาท
บมจ.แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ (GRAND) มี 2 ชุด วงเงินรวม 1,098.50 ล้านบาท
บมจ.ไรมอน แลนด์ ( RML) มี 4 ชุด วงเงินรวม 1,012 ล้านบาท
บมจ.ริชี่ เพลซ 2002 (RICHY) มี 2 ชุด วงเงิน 848.17 ล้านบาท
บริษัทพรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (PD) มี 1 ชุด วงเงิน 600 ล้านบาท
บมจ.มั่นคงเคหะการ (MK) มี 1 ชุด วงเงิน 500 ล้านบาท
บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวลล็อปเมนท์ (CI) มี 1 ชุด วงเงิน 500 ล้านบาท
บมจ.คันทรี กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ (CGD) มี 2 ชุด วงเงิน 468.79 ล้านบาท
บมจ.ชีวาทัย (CWTTH) มี 1 ชุด วงเงิน 450 ล้านบาท
อย่างไรก็ดีความกังวลต่อหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดเร็ว ๆ นี้ อาทิหุ้นกู้ "อนันดา" ล่าสุด นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ได้ออกมาสร้างความมั่นใจว่า บริษัทฯ มีศักยภาพการชำระคืนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยหุ้นกู้ โดยยืนยันว่าจะดำเนินการตามแผนชำระคืนหุ้นกู้รอบถัดไปตามกำหนดในวันที่ 14 ก.ค.67 มูลค่า 3,231 ล้านบาท
"บริษัทฯ มีวินัยในการชำระหนี้ให้ตรงเวลา ไม่เคยผิดนัดดอกเบี้ยทั้งหุ้นกู้และ สถาบันการเงิน จึงยังยืนยันจะดำเนินการตามแผนชำระคืนหุ้นกู้รอบถัดไปตามกำหนดในวันที่ 14 ก.ค.ที่จะถึงนี้มูลค่า 3,231 ล้านบาท" ทั้งนี้ ปัจจุบัน อนันดาฯ มีสินค้าพร้อมโอนในปี 2567 มูลค่า 28,284 ล้านบาท และโครงการพร้อมส่งมอบในปี 2568 มูลค่า 11,929 ล้านบาท รวมทั้งหมดมูลค่า 40,213 ล้านบาท เพื่อรองรับการจ่ายหุ้นกู้ที่ครบกำหนดในวันที่ 14 กรกฎาคม 2567 จำนวน 3,231 ล้านบาท
ขณะที่บมจ.เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ( MJD) ซึ่งมีหุ้นกู้ 2 ชุด วงเงินรวม 1,300 ล้านบาท จะครบกำหนด วันที่ 16 มิ.ย.67 วงเงิน 400 ล้านบาท "ชุด MJD246A" และอีก 900 ล้านบาท ครบกำหนดวันที่ 5 ต.ค.67 "ชุด MJD24OA " พบว่าเมื่อวันที่ 25 เม.ย.67 บริษัทฯสามารถปิดการขายหุ้นกู้ในวงเงิน 1,046 ล้านบาท จึงคาดว่าจะเพียงพอที่จะรองรับแผนการจ่ายหุ้นกู้
เช่นเดียวกับหุ้นกู้ บมจ.ไซมิส แอสเสท (SASST) 3 ชุด ที่จะครบกำหนด ก.ค.- ส.ค. 67 วงเงินรวม 1,530.90 ล้านบาท โดยในเดือนเม.ย.67 ที่ผ่านมา บริษัท ฯ สามารถปิดการขายหุ้นกู้ได้วงเงินราว 1,200 ล้านบาท ที่เหลือน่าจะมีแผนออกหุ้นกู้ตามมาหรือใช้วงเงินจากยอดขายอสังหาฯ
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI กล่าวถึงภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ ในครึ่งหลังปี 2567 แนวโน้มกำลังซื้อที่จะกลับมา คาดมีการเติบโตที่ดีขึ้นได้กว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน และเทียบกับครึ่งแรกของปีนี้ เนื่องจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐทำได้ดีมากขึ้นหลังจากที่มีความล่าช้าไปในปีก่อน รวมถึงการเดินหน้าลงทุนโครงการใหม่ๆ ของภาครัฐ เชื่อว่าจะเป็นการช่วยเพิ่มเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้เพิ่ม ทำให้มองว่าความเชื่อมั่นและการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนจะดีขึ้นตามไปด้วย