"เสี่ยปู่ "ตุนสภาพคล่อง เฉือนขายหุ้น PLUS กว่า 1.3 ล้านหุ้น และ ORI 2.6 แสนหุ้น

12 มิ.ย. 2567 | 02:44 น.
อัปเดตล่าสุด :12 มิ.ย. 2567 | 03:21 น.

เสี่ยปู่ "สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล" และภรรยา รายงานการขายหุ้น PLUS รวมกว่า 1.3 ล้านหุ้น คิดเป็น 0.1949% ส่งผลให้ทั้งกลุ่ม ฯ ถือ 9.9761% ขณะเดียวกันได้ตัดขายหุ้น ORI จำนวน 2.6 แสนหุ้น หรือ 0.0105 % ล่าสุดถือ ORI 4.98%

วันนี้ ( 12 มิ.ย.67 ) เสี่ยปู่ "สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล" ผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ.โรแยล พลัส ( PLUS ) และ บมจ.ออริจิ้น พร๊อพเพอร์ตี้ (ORI) แจ้งในแบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ ( แบบ 246-2)  ต่อสำนักงาน ก.ล.ต.ระบุว่า 

ได้จำหน่ายหุ้น PLUS จำนวน 1,192,000 หุ้น คิดเป็น 0.1779% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ซึ่งเป็นการจำหน่าย เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2567  ภายหลังการจำหน่ายเสี่ยปู่ ถือหุ้น  56,292,300 หุ้น คิดเป็น 8.4018%

ในวันเดียวกัน  นางวารุณี ชลคดีดำรงกุล (ภรรยาเสี่ยปู่) รายงานการจำหน่ายหุ้น PLUS  เช่นกันจำนวน 114,200 หุ้น คิดเป็น 0.0170 % โดยภายหลังการจำหน่าย นางวารุณี ถือหุ้น 7,816,800 หุ้น คิดเป็น 1.1666% 

โดยรวมทั้งสองราย ได้จำหน่ายหุ้น PLUS รวมทั้งสิ้น 1,306,200 หุ้น คิดเป็น 0.1949% ส่งผลให้จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายของกลุ่มจะเหลือ 66,839,900 หุ้น คิดเป็น 9.9761% จากเดิมที่ถือ 68,146,100 หุ้น คิดเป็น 10.1710% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ
 

ขณะเดียวกัน นายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุลได้แจ้งการจำหน่ายหุ้นของ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2567 จำนวน 260,000 หุ้น คิดเป็น 0.0105 % ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ โดยภายหลังการจำหน่ายจะเหลือหุ้น 89,185,800 หุ้น คิดเป็น 3.6341% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ  และส่งผลให้จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายของกลุ่มเหลือ 122,215,800 หุ้น คิดเป็น  4.98% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ 

ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น PLUS ปิดวันที่ 11 มิ.ย.67 อยู่ระดับ 7.90 บาท ปรับลดลง 0.10 บาทหรือ -1.25%  โดยในรอบ 5 วัน ราคาหุ้น PLUS ได้ปรับลดลง -5.95% ขณะที่ราคาตั้งแต่ต้นปี 67 มา (YTD) ปรับขึ้นมา +27.42 ส่วนราคาหุ้น ORI ปิดที่ 4.98 บาท รอบ 5 วันหุ้น ORI ปิดลดลง -6.04% และตั้งแต่ต้นปี 67 เป็นต้นมา (YTD) ปรับร่วงแล้ว -41.07%
 

อนึ่งข้อมูลจาก ตลท. พอร์ตการลงทุนหุ้นของ "เสี่ยปู่" ในปัจจุบัน พบว่าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทจดทะเบียน (บจ.) 17 บริษัท มีมูลค่าพอร์ตราว 2.7 พันล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนหุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 32.92% กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม 28.12% กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและกลุ่มการสื่อสาร 25.62% รวมถึงกลุ่มอื่นๆ อีก 13.34%