17 พ.ค.67 นางสาวจุรีรัตน์ ลปนาวณิชย์ กรรมการ บริษัทมิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MILL แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ชี้แจงกรณีที่บริษัทฯ ผิดนัดชําระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยกับสถาบันการเงิน ซึ่งมีกําหนดชําระช่วงไตรมาส 1/2567 โดยเป็นหนี้สินหมุนเวียนระยะสั้นกับสถาบันการเงิน สาเหตุการผิดนัด เกิดจากการรับชําระค่าสินค้าจากลูกหนี้การค้าที่ล่าช้า ทําให้บริษัทไม่สามารถชําระหนี้ได้ตามกําหนด
นอกจากนี้ บริษัทเคยชี้แจงแล้วว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาขอผ่อนผันเงื่อนไขดังกล่าวกับสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง และรอข้อสรุปนั้น ทําให้บริษัทไม่ได้รับหนังสือแจ้งผิดนัดชําระหนี้จากสถาบันการเงิน ซึ่งปัจจุบันกลุ่มบริษัทและบริษัทได้รับการอนุมัติจากสถาบันการเงินแห่งนี้ ในการให้ปรับโครงสร้างหนี้ โดยปรับหนี้สินระยะสั้นเป็นหนี้สินระยะยาวประมาณ 4,000 ล้านบาท ส่วนของหนี้สินระยะสั้นที่เหลือสามารถใช้หมุนเวียนได้ตามปกติ ซึ่งบริษัทและสถาบันการเงินแห่งนี้อยู่ในระหว่างลงนามในเอกสารสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ ส่วนสถาบันการเงินแห่งอื่นๆนั้น บริษัทได้รับการต่ออายุวงเงินเรียบร้อยแล้ว โดยจะไม่มีผลกระทบต่อฐานะการเงินและผลการดําเนินงานของบริษัท และไม่มีผลกระทบต่อหุ้นกู้ที่บริษัทย่อยเป็นผู้ออกแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ขนาดของรายการดังกล่าวเท่ากับ 8,506.61 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 41 เมื่อเทียบกับสินทรัพย์รวมของบริษัทตามงบการเงิน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567
ด้านนายประวิทย์ หอรุ่งเรือง กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MILL เปิดเผยว่า บริษัทได้บรรลุข้อตกลงกับสถาบันการเงินแห่งหนึ่งในการปรับโครงสร้างหนี้ประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนดสิ้นเดือนมิถุนายน 2568 โดยยืดระยะเวลาหนี้เป็นระยะยาว เพื่อให้บริษัทสามารถนำเงินมาใช้หมุนเวียนกิจการและใช้ในการผลิต ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้มีการปรับแผนการดำเนินงานและปรับกลยุทธ์ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และสามารถแข่งขันในตลาดได้ โดยเน้นตลาดเหล็กเกรดพิเศษ ซึ่งต้องใช้เวลาในการดำเนินงานระยะหนึ่ง
สำหรับงบการเงินไตรมาส 1 ปี 2567 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2567 ซึ่งผู้สอบบัญชีไม่ได้แสดงความเห็นต่องบการเงินของบริษัทและบริษัทย่อยและงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทนั้น ไม่ได้มีสาเหตุจากการถูกจำกัดขอบเขตโดยผู้บริหาร แต่เกิดจากผลกระทบของความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญตามสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมเหล็กจากโรงงานจีนในประเทศไทย ส่งผลให้ราคาสินค้าในตลาดตํ่ากว่าปกติ รวมทั้งอุปสงค์การใช้เหล็กไม่เติบโต และการใช้จ่ายภาครัฐจาก พ.ร.บ. งบประมาณปี 2567 ที่ล่าช้า
โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ 20 ลำดับแรก ณ วันที่ 29 มี.ค. 67 ประกอบด้วย