ยอดจองหุ้นกู้ "GULF" ทะลักกว่า 20,000 ล้าน พุ่ง 3.10 เท่า

01 เม.ย. 2567 | 11:37 น.

ยอดจองหุ้นกู้ "GULF" ทะลักกว่า 20,000 ล้าน พุ่ง 3.10 เท่า หลังเสนอขายให้ผู้ลงทุนสถาบัน และหรือผู้ลงทุนรายใหญ่ เผยเตรียมนำเงินไปชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน และขยายธุรกิจของบริษัทฯ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า GULF ได้ออกหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีประกัน มูลค่ารวมทั้งสิ้น 20,000 ล้านบาท โดยเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน (Institutional Investors) และ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth)

ทั้งนี้ ในเบื้องต้นบริษัทฯ ได้แสดงความประสงค์จะเสนอขายหุ้นกู้เป็นจำนวน 15,000 ล้านบาท แต่เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่เป็นจำนวนมาก โดยแสดงความจำนงในการจองหุ้นกู้ของบริษัทฯ มากถึง 3.10 เท่าของจำนวนที่ประสงค์จะเสนอขาย (Oversubscription) บริษัทฯ จึงได้ใช้สิทธิการเสนอขายหุ้นกู้เพิ่มเติม (Greenshoe) เป็นจำนวน 5,000 ล้านบาท รวมเป็น 20,000 ล้านบาท
 

สำหรับหุ้นกู้ที่กัลฟ์เสนอขายดังกล่าว แบ่งออกเป็น 5 ชุด ประกอบด้วย 

  • หุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.03% ต่อปี มูลค่า 2,000 ล้านบาท 
  • หุ้นกู้อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.35% ต่อปี มูลค่า 4,528 ล้านบาท 
  • หุ้นกู้อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.37% ต่อปี มูลค่า 6,472 ล้านบาท 
  • หุ้นกู้อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.55% ต่อปี มูลค่า 3,000 ล้านบาท 
  • หุ้นกู้อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.84% ต่อปี มูลค่า 4,000 ล้านบาท 

ยอดจองหุ้นกู้ "GULF" ทะลักกว่า 20,000 ล้าน พุ่ง 3.10 เท่า

โดยเฉลี่ยอัตราดอกเบี้ยคงที่เท่ากับ 3.45% และอายุเฉลี่ยหุ้นกู้เท่ากับ 5.87 ปี 
 

นางสาวยุพาพิน กล่าวอีกว่า กัลฟ์ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ A+ แนวโน้ม คงที่ และหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับในระดับ A แนวโน้ม คงที่ จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด โดยได้เปิดจองซื้อหุ้นกู้ระหว่างวันที่ 27-29 มีนาคม 2567 และได้ออกหุ้นกู้ในวันที่ 1 เมษายน 2567

"ยอดจองหุ้นกู้ดังกล่าวเกินกว่าจำนวนที่ต้องการเสนอขายสูงถึง 3 เท่า ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่บริษัทเสนอขายหุ้นกู้มา โดยกัลฟ์มีแผนที่จะนำเงินจากการเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าว ไปใช้ในการชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน และนำไปขยายธุรกิจของบริษัทฯ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป”