WPH ลุ้นผลงานปี 67 ทุบสถิติสูงสุดใหม่ ต่างชาติดูแลสุขภาพอัพมาร์จิ้น

02 มี.ค. 2567 | 02:30 น.

WPH รับอานิสงส์เปิดประเทศหนุนต่างชาติเดินทางท่องเที่ยวทะเลใต้เพิ่ม ชูรพ. วัฒนแพทย์ สมุยทำกำไร เช่นเดียวกับ รพ.วัฒนแพทย์ตรัง-อ่าวนาง วางเป้ารายได้ปี 67 ทะยาน 1.7-1.8 พันล้าน แย้มเปิดดีลใหม่ปีนี้ได้ข้อสรุป

KEY

POINTS

  • WPH วางเป้ารายได้รวมปี 67 แตะระดับ 1.7-1.8 พันล้าน หรือโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อน
  • WPH ลุ้นผลงานทุบสุิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง หลัง โรงพยาบาล 3 แห่งคนไข้ต่างชาติมาร์จิ้นสูงยังพีค
  • WPH แย้มอยู่ระหว่างศึกษาควบรวมกิจการในธุนรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสุขภาพเพิ่ม

นายเชน เหล่าสุนทร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง จำกัด (มหาชน) หรือ WPH เปิดเผยว่า จากการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ส่งผลทำให้นับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2566 มาจนถึงปัจจุบัน ชาวต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในทะเลภาคใต้ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก สังเกตได้จากยอดจองห้องพักของโรงแรมที่อยู่ในระดับที่สูงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งอานิสงส์เชิงบวกต่อธุรกิจของบริษัท

ทำให้นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 มาจนถึงปัจจุบัน อัตราการเข้าพักฟื้นรักษาตัว (Occupancy rate) ของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และสูงกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แม้โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ สมุย จะเพิ่งเริ่มเปิดให้บริการได้เพียงปีเดียว แต่บริษัทโรงพยาบาลดังกล่าวกลับสามารถถึงจุดคุ้มทุนและเริ่มทำกำไรให้กับบริษัทได้แล้วตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 และคาดว่าจะมีกำไรที่เพิ่มมากขึ้นในไตรมาส 1/2567 และตลอดทั้งปี 2567 อีกด้วย

เช่นเดียวกันกับโรงพยาบาลวัฒนาแพทย์ ตรัง และโรงพยาบาลวัฒนแพทย์ อ่าวนาง ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง และอาจมีโอกาสได้เห็นการทำสถิติใหม่สูงสุดได้ในทุกไตรมาสของปีนี้ ตามการท่องเที่ยวภาคใต้ที่กลับมาฟื้นตัว ซึ่งกลุ่มคนไข้หลักของบริษัทเป็นกลุ่มชาวสแกนดิเนเวีย เป็นกลุ่มที่มีประกันชีวิตและสุขภาพเป็นพื้นฐาน ทำให้ค่าใช้จ่ายในการบำรุงและดูแลรักษาสุขภาพให้มาร์จิ้นที่ค่อนข้างสูงกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มคนไข้ในประเทศ

นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าการก่อสร้างอาคารใหม่ของโรงพยาบาลวัฒนาแพทย์ อ่าวนาง เฟส 2 ขนาด 31 เตียง (Unit) จะแล้วเสร็จและเริ่มเปิดให้ใช้บริการได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/2567 เป็นต้นไป ส่งผลให้ที่อ่าวนางจะมีเตียงรวมกันทั้งสิ้น 269 Unit ซึ่งก็จะเข้าสู่ไฮซีซันของกลุ่มคนไข้ในประเทศ เพราะเป็นช่วงที่มีโรคบาดตามปัจจัยการเข้าสู่ฤดูฝน

พร้อมกันนี้ จากการลงทุนศูนย์ตรวจหัวใจและหลอดเลือด (Cardiac Catheterization Lab หรือ Cath Lab) ในโรงพยาบาลวัฒนแพทย์ อ่าวนาง ได้รับการตอบรับที่ดีมาก มีคนไข้เข้ามารับบริการทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน เร็วๆ นี้ บริษัทจะมีการลงทุนจัดซื้อเครื่องไฮเปอร์ แบริค แชมเบอร์ มาไว้ที่โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง เพื่อรองรับในการรักษาชีวิตผู้ป่วยวิฤกตจากการดำน้ำลึกแล้วขาดออกซิเจน ทำให้มีฟองอากาศในเลือด ที่อาจเป็นสาเหตุนำไปสู่การเสียชีวิตได้ ซึ่งจากการสำรวจสถานพยาบาลในแถบภาคใต้ ภูเก็ต ไปจนถึงประเทศมาเลเซีย ยังไม่มีการดูแลรักษาทางด้านนี้ จะทำให้จะเป็นโรงพยาบาลแรกในแถบนี้ที่รักษาโรคเฉพาะทางดังกล่าว

ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมีความสนใจและมองหาโอกาสในการขยายการลงทุนในธุรกิจที่ยังคงมีความเกี่ยวข้องกับสุขภาพใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อยอดธุรกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการทางการแพทย์ในแถบภาคใต้ได้กว้างมากยิ่งขึ้น โดยในการลงทุนอาจเป็นรูปแบบของการควบรวมกิจการ (M&A) ในปัจจุบันมีที่อยู่ระหว่างเจรจาและศึกษาการลงทุนบ้างแล้ว เบื้องต้นคาดว่าในปี 2567 จะได้เห็นความชัดเจน

ทั้งนี้ ในปี 2567 บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมไว้ที่ไม่น้อยกว่า 20% จากปีก่อน หรือแตะที่ระดับกว่า 1,700-1,800 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2568 รายได้รวมของบริษัทจะทะยานไปสู่ระดับเหนือกว่า 2,000 ล้านบาทได้ นับว่าเป็นการทุบสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทมีโรงพยาบาลทั้งสิ้น 3 แห่ง ใน 3 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง (WPH) ขนาด 120 เตียง, โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ อ่าวนาง (WPA) ขนาด 65 เตียง และโรงพยาบาลวัฒนแพทย์ สมุย (WPS) ขนาด 53 เตียง หรือมีจำนวนเตียงรวมกันกว่า 238 เตียง ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ประกอบด้วย WPH 62%, WPA 28% และ WPS 10% ตามลำดับ ซึ่งกลุ่มคนไข้ในประเทศยังคงเป็นสัดส่วนรายได้หลักอยู่ที่กว่า 81% ขณะที่รายได้จากคนไข้ต่างชาติคิดเป็น 19% ของรายได้รวม