EKH ฟรีวีซ่าจีนถาวรหนุน IVF ยอดพุ่ง ปักธงรายได้ปี 67 โต 10%

27 ก.พ. 2567 | 02:30 น.

EKH ยิ้มรับมาตรการฟรีวีซ่าจีนถาวร หนุนลูกค้าจีนแห่ใช้บริการ IVF ปี 67 ทะลุ 300 เคส เกาะกระแสดูแลสุขภาพบูม ชูเดือนม.ค.-ก.พ. อัตราการเข้าพักฟื้นสุขภาพยืนเหนือ 70% วางเป้าปีนี้รายได้เติบโตต่อเนื่อง 8-10% อัดงบ 200 ล้าน

KEY

POINTS

  • EKH รับอานิสงส์ฟรีจีซ่าจีนถาวร หนุนชาวจีนเรียงคิวแห่ใช้บริการศูนย์ IVF ปี 67 แตะ 300 เคส
  • EKH วางเป้ารายได้ปี 67 เติบโตไม่ต่ำกว่า 8-10% จากปีก่อน
  • EKH อัดงบ 200 ล้านบาท รองรับการสร้างอาคาร C, ศูนย์จิตตเวช และศูนย์ดูแลผู้สูงอายุทั้งชาวไทย-ต่างชาติ

นพ.อำนาจ เอื้ออารีมิตร กรรมการและผู้อำนวยการโรงพยาบาล บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน)หรือ EKH เปิดเผยว่า จากมาตรการเปิดฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนถาวรที่จะเริ่มต้นในวันที่ 1 มีนาคม 2567 ของภาครัฐฯ ทำให้คาดว่าจะเข้ามามีส่วนสำคัญในการกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวของชาวจีนได้มากยิ่งขึ้น ส่งอานิสงส์เชิงบวกต่อธุรกิจศูนย์ให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่มีบุตรยาก (IVF) ให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายชาวจีนกลับเข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น

พร้อมกันนี้ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการแต่งตั้งนายหน้าประเทศจีนรายใหม่เข้ามาเพิ่มเติม (เอเจนซี่) รวมถึงยังได้รับความสนใจจากเอเจนซี่ท้องถิ่นจีนที่มีศักยภาพใหม่ๆ เช้ามาต่อเนื่องอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะขยายฐานกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้กว้างมากขึ้น โดยนับตั้งแต่เดือนมกราคม มาจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ศูนย์ IVF ของบริษัทมีการรับให้คำปรึกษากับลูกค้าชาวจีนแล้วมากกว่า 20 เคส จากเป้าหมายทั้งปีนี้ที่วางไว้ไม่น้อยกว่า 300 เคส อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดไวรัสโควิด-19 ระบาด

ขณะที่ธุรกิจโรงพยาบาลยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการดูแลและรักษาสุขภาพที่มากขึ้น ทำให้อัตราการเข้ารับการรักษาและพักฟื้น (Occupancy rate) โดยรวมทั้งผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) ยังอยู่ในระดับที่สูง ซึ่งในช่วงเดือนมกราคมและต่อเนื่องมาจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 มี Occupancy rate อยู่ที่ระดับเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 70% และในช่วงพีคสุดบริษัทมีอัตราการเข้ารับรักษาและพักฟื้นสูงเกิน 90-100%

นอกจากนี้ บริษัทยังเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการการรักษาโรคเฉพาะทาง อาทิ ศัลยกรรมกระดูกและการดูแลรักษาที่เกี่ยวข้อง และศาสตร์กายภาพบำบัด เป็นต้น เพื่อดูแลการรักษาสุขภาพให้กับผู้มาเข้าใช้บริการได้อย่างครอบคลุมและตรงจุดที่สุด เบื้องต้นบริษัทได้มีการจัดเตรียมบุคลากรทางการแพทย์ และทีมแพทย์เฉพาะทางไว้พร้อมแล้ว คาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ในช่วงเดือนเมษายน 2567 นี้เป็นต้นไป 

ทั้งนี้ แผนการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมไว้ที่ไม่น้อยกว่า 8-10% จากปีก่อน โดยเตรียมงบประมาณสำหรับการลงทุนในปีนี้ไว้ที่ประมาณ 200 ล้านบาท เพื่อรองรับการก่อสร้างอาคาร C ขนาด 60 เตียง รีโนเวตแผนกต่างๆ รวมถึงเพิ่มศูนย์ความงามใหม่ รวมถึงใช้รองรับการลงทุนก่อสร้างโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านสุขภาพจิตและจิตเวช ที่บริษัทได้ร่วมทุนกับ บริษัท นารายณ์พร็อพเพอตี้ จำกัด ในช่วงไตรมาส 2/2567 และคราดจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 4/2568

ตลอดจนเพื่อรองรับการลงทุนก่อสร้างโรงพยาบาลเฉพาะทางสำหรับผู้สูงอายุเพื่อรองรับลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ หรือโรงพยาบาลคูน รวมถึงรองรับเทรนด์ Wellness ที่กำลังมาแรง ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้มีการร่วมทุนกับ บริษัท โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ตรัง จำกัด (มหาชน) หรือ WPH เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างต้นปี 2567 และจะเริ่มเปิดให้บริการได้ภายในไตรมาส 3/2568 ขณะเดียวกันบริษัทมีความสนใจและเปิดโอกาสกว้างในการศึกษาโครงการลงทุนใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาสุขภาพเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจน