มั่นคงเคหะการ ปรับโครงสร้างชูธุรกิจ"คลังสินค้า-โรงงานให้เช่า" เรือธง

30 ม.ค. 2567 | 05:00 น.

‘บมจ.มั่นคงเคหะการ’ หรือ “MK” ปรับโครงสร้างธุรกิจ ขยายพอร์ตธุรกิจ “คลังสินค้า” และ “โรงงานให้เช่า” เป็นเรือธงหลัก เตรียมขออนุมัติที่ประชุม 1 มี.ค.นี้

นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยว่า คณะกรรมการของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2566 ได้มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567 ในวันที่ 1 มีนาคม 2567 นี้ เพื่อขออนุมัติปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจของบริษัท

โดยบริษัทฯ จะขายหุ้นสามัญของ บริษัท อาร์เอ็กซ์ เวลเนส จำกัด หรือ  RXW ในจำนวน 13,799,998 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท คิดเป็นสัดส่วน 100% ของหุ้นที่ได้จำหน่ายแล้วทั้งหมด ให้แก่บริษัท เอฟเอ็นเอส โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (FNS) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ มูลค่าประมาณ 276 ล้านบาท และจำหน่ายทรัพย์สินที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์เพื่อการประกอบธุรกิจบริการด้านสุขภาพมูลค่าประมาณ 84 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 360 ล้านบาท พร้อมให้สิทธิการเช่าที่ดินและอาคารสำหรับธุรกิจการให้บริการด้านสุขภาพฯ  เป็นเวลารวม 10 ปี มูลค่าการเช่ารวมประมาณ 1,770 ล้านบาท นอกจากนี้ FNS จะต้องให้กู้ยืมเงินแก่ RXW เพื่อนำมาคืนเงินกู้และดอกเบี้ยแก่บริษัทฯ 

ขณะเดียวกันจะขออนุมัติซื้อหุ้นสามัญและหน่วยทรัสต์จาก FNS ประกอบด้วย

  • 1) หุ้นสามัญของบริษัท บีเอฟทีแซด วังน้อย จำกัด หรือ  BFTZWN จำนวนทั้งสิ้น 24,999 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 100 บาท ในราคาหุ้นละ 2,000.08 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 50 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น 50% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด และ
  • 2) หน่วยทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาฯ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล หรือ  PROSPECT REIT จำนวนทั้งสิ้น 83,212,061 หน่วย มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หน่วยละ 9.4697 บาท ในราคาหน่วยละ 9.3885 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 781 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 22.19% ของหน่วยทรัสต์ที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด 

มั่นคงเคหะการ ปรับโครงสร้างชูธุรกิจ\"คลังสินค้า-โรงงานให้เช่า\" เรือธง

ทั้งนี้ ภายหลังการปรับโครงสร้างธุรกิจ จะส่งผลให้บริษัทฯ มีสัดส่วนถือหุ้น BFTZWN ผ่านบริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด จากเดิม 50% เพิ่มเป็น 100% และมีอำนาจตัดสินใจและสิทธิในการบริหารอย่างเบ็ดเสร็จ รวมถึงเพิ่มสัดส่วนการถือหน่วยทรัสต์ PROSPECT REIT จาก 8.61% เพิ่มอีก 22.19% รวมเป็น 30.80% ของหน่วยทรัสต์ที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด ตลอดจนเพิ่มอำนาจในการตัดสินใจทำให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากสัดส่วนการถือหน่วยทรัสต์ที่เพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มสภาพคล่องด้านเงินลงทุนให้กับบริษัทฯ เนื่องจากหน่วยทรัสต์ PROSPECT REIT มีสภาพคล่องในการซื้อขายที่ดี 

นายวรสิทธิ์ กล่าวต่อว่า การปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทในอนาคต ที่มุ่งเน้นให้มีการเติบโตจากธุรกิจอาคารคลังสินค้าและอาคารโรงงานให้เช่าที่มีความเชี่ยวชาญเป็นธุรกิจหลัก เพราะ BFTZWN และ PROSPECT REIT เป็นบริษัทและกองทรัสต์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาคารคลังสินค้าและโรงงานให้เช่า ที่มีอัตราการเติบโตที่ดี และจะส่งผลต่อการเติบโตของผลการดำเนินงานที่มั่นคงในอนาคต  

ขณะที่ธุรกิจให้บริการด้านสุขภาพอยู่ในช่วงเริ่มเปิดดำเนินการได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา การขายหุ้นจะทำให้บริษัทฯ ลดภาระการจัดหาเงินทุนเพื่อการดำเนินงานและขยายการลงทุน อย่างไรก็ดี เพื่อทำให้ฐานธุรกิจและรายได้ของบริษัทฯ มีความมั่นคงและเติบโตในระยะยาว การปรับโครงสร้างธุรกิจในครั้งนี้เปิดโอกาสให้บริษัทขยายธุรกิจอาคารคลังสินค้าและอาคารโรงงานให้เช่าอย่างต่อเนื่อง และอาจกระทบกับภาระหนี้เพิ่มเติมซึ่งบริษัทฯ จะจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้เพื่อแก้ไขข้อกำหนดสิทธิ ในส่วนของอัตราส่วนทางการเงินที่ต้องดำรงไว้ (Debt/Equity Ratio)
 

“ธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานให้เช่ามีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องตามทิศทางเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยที่กำลังทยอยฟื้นตัวหนุนการเติบโตของภาคการค้าระหว่างประเทศ ทั้งยังได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวช่วยกระตุ้นความต้องการบริโภคสินค้า ส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของภาคการผลิต ขณะที่การลงทุนในประเทศยังได้แรงหนุนจากการพัฒนาโครงการในนิคมอุตสาหกรรมโดยเฉพาะแนวระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และความพร้อมของห่วงโซ่อุปทานในภาคการผลิตสำคัญของไทย

โดยธุรกิจคลังสินค้าและอาคารโรงงานให้เช่าเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ทางบริษัทฯ มองว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งขันสูง ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทต่างชาติใช้ไทยเป็นฐานการผลิตจนเป็นที่ยอมรับและมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง" นายวรสิทธิ์ กล่าว