3 แม่ลูก "พรประภา" รับทราบข้อกล่าวหา ปั่นหุ้น MORE

22 ม.ค. 2567 | 11:45 น.

ไฮโซคิม พร้อมครอบครัว รับทราบข้อกล่าวหา “สร้างราคาหลักทรัพย์ อั้งยี่ซ่องโจรและร่วมกันฉ้อโกง” คดีปั่นหุ้น MORE ลั่นบริสุทธิ์ใจ ไม่หลบหนี เตรียมพยานหลักฐานและข้อมูลพร้อมชี้แจง รับความสัมพันธ์กับ ปิงปอง อีกผู้ต้องหาคนสำคัญ เป็นเพียงการรู้จักกันได้ไม่นาน

จากกรณีสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตรวจสอบพบความผิดปกติเกี่ยวกับการซื้อขายของหุ้นบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ในช่วงระหว่างวันที่ 18 กรกฎาคม 2565 ถึง 10 พฤศจิกายน 2565 ที่ส่อเค้าเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย จนกระทั่งบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ทั้ง 11 แห่ง ได้มีการเข้าแจ้งความร้องทุกข์ กับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)  และตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งหลังจากนั้นทางกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับเรื่องเป็นคดีพิเศษ และต่อมาทาง สำนักนายกรัฐมนตรีจะมีคำสั่งให้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางมาเข้าร่วมอยู่ในขณะทำงาน เพื่อเร่งรัดคลี่คลายคดีดังกล่าวให้ได้โดยเร็ว ตามที่เคยมีการนำเสนอไปก่อนหน้าแล้วก่อนหน้านี้

ล่าสุด เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 22 มกราคม 2567 นางอรพินธุ์ พรประภา พร้อมด้วย นายเอกภัทร พรประภา (ไฮโซคิม) และนายอธิภัทร พรประภา บุตรชายทั้งสอง ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. ตามหมายเรียกของคณะพนักงานสอบสวน เพื่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหา “สร้างราคาหลักทรัพย์ อั้งยี่ซ่องโจรและร่วมกันฉ้อโกง” หลังพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับคดีดังกล่าว

โดยนายเอกภัทร หรือ ไฮโซคิม เผยว่า ที่เดินทางมาในวันนี้เป็นการมาเข้าพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา หลังจากที่ได้ตกเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา หรือ ผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งที่ผ่านมาตนเองก็มีความบริสุทธิ์ใจ และไม่เคยหลบหนี มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งสามารถตรวจสอบได้ และอย่างที่รู้กันว่าตนมีพื้นฐานที่ดี เรื่องที่เกิดขึ้นถ้าตนไม่บริสุทธิ์ใจจริงก็คงไม่เดินทางมาในวันนี้ ส่วนข้อเท็จจริงต่างๆ นั้น ตนจะข้อชี้แจงกับทางตำรวจ ซึ่งขณะนี้ได้มีการเตรียมพร้อมทั้งพยานหลักฐานและข้อมูลมาไว้หมดแล้ว 

สำหรับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตนกับนายอภิมุข บำรุงวงศ์ (ปิงปอง) นั้น ตนยอมรับว่าได้มีการรู้จักกันจริง แต่พึ่งรู้จักกันได้ไม่นาน ประมาณ 3-4 เดือนเท่านั้น ที่ผ่านมาไม่เคยเล่นหุ้น ปกติครอบครัวจะเป็นคนลงทุนโดยใช้ชื่อของตน กระทั่งเห็นว่าขาดทุนจึงหันมาบริหารดูแลเอง แต่เนื่องจากเป็นคนกระหายความสำเร็จ จับปลาหลายมือ จึงไปจ้างคนมาดูแลเรื่องการลงทุนแทน ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ถือเป็นบทเรียนสำคัญในชีวิต

ในขณะที่ นายอภิมุข บำรุงวงศ์ หรือ “ปิงปอง” ผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีดังกล่าวนั้น ก่อนหน้าพนักงานสอบสวนได้มีการออกหมายเรียกไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีการตอบรับ หรือให้ความร่วมมือ ทำให้เข้าข่ายมีพฤติกรรมหลบหนี จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับในความผิดฐาน “สร้างราคาหลักทรัพย์ อั้งยี่ซ่องโจรและร่วมกันฉ้อโกง” ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการสืบสวนแกะรอยตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป