ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงมีแรงหนุนจาก Fund Flow แม้จะมีความผันผวนจากปัจจัยการเมืองในประเทศก็ตาม โดยยังคาดหวังการฟื้นตัวต่อในช่วง 4 วันที่ผ่านมา ที่เห็นการไหลเข้าของ Fund Flow ในตลาดหุ้นไทย จาก 3 กลุ่มนักลงทุนใหญ่ พร้อมกัน 3 วันติด
เริ่มจากกลุ่มต่างชาติที่ซื้อสุทธิสะสมสูงสุดถึง 3,900 ล้านบาท รองลงมา คือ กองทุนในประเทศซื้อสุทธิสะสม 2,900 ล้านบาท ตามมาด้วยพอร์ตโบรกเกอร์ซื้อสุทธิสะสม 779 ล้านบาท ซึ่งในอดีตพบได้ไม่บ่อยนักที่จะเห็นการซื้อสุทธิพร้อมกันของทั้ง 3 กลุ่ม และจากสถิติในปีนี้ยังบ่งชี้ว่า เวลาที่ทั้ง 3 กลุ่มซื้อสุทธิพร้อมกัน มักจะผลักดันให้ SET Index มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดเฉลี่ย 0.84% ต่อวัน และมีโอกาสทำให้อัตราผลตอบแทนเป็นบวกสูงถึง 80%
สำหรับกลยุทธ์ ฝ่ายวิจัยฯ แนะนำ "หุ้นติดสปริง" คือ หุ้นที่ลงมาลึกตั้งแต่ช่วงหลังเลือกตั้ง แต่เริ่มมี Momentum ในการฟื้น และยังเหลือพื่นที่ให้ดีดตัวกลับไปที่เดิม โดยผ่านเงื่อนไข ดังนี้
1. หุ้นลงมาลึก คือ หุ้นที่ทำจุดต่ำสุดลึกกว่า -10% ในช่วงหลังวันเลือกตั้งปี 66
2. เริ่มมี Momentum ในการฟื้น คือ มีการฟื้นขึ้นจากจุดต่ำสุดมากกว่า 10%
3. เป็นหุ้นที่มักขึ้นได้แรงกว่าตลาด คือ มี Beta > 1
4. ยังมีพื้นที่ให้ขยับขึ้นต่อ คือ ราคาหุ้นยังไม่กลับไปสูงกว่าช่วงก่อนเลือกตั้งปี 66
จากรายชื่อหุ้นดังกว่า ฝ่ายวิจัยชื่นชอบ CRC, STEC, GULF, PLANB, BGRIM, SAWAD, JMT มากสุด
ขณะเดียวกันยังเห็น Fund Flow ต่างชาติที่เข้ามาซื้อสุทธิสะสมใน SET50 Futures หนาแน่นในช่วง 9 วันทำการที่ผ่านมา ถึง 1.37 แสนสัญญา ซึ่งมีมูลค่าเทียบเท่ากับ 2.6 หมื่นล้านบาท ด้วย Fund Flow ไหลเข้าทั้งในตลาดหุ้นไทยและตลาดฟิวเจอร์ส คาดจะช่วยลดความผันผวนของตลาดในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลได้