svasdssvasds
logo-pwa

เพิ่ม thansettakij

ลงในหน้าจอหลักของคุณ

ติดตั้ง
ปิด
thansettakij

เลือกดู "หุ้นกู้" อย่างไร? ลดความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้

04 มิถุนายน 2566

"หุ้นกู้" ยังคงได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้น จากผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก แต่การผิดนัดชำระยังพอมีให้เห็นเป็นระยะ ถือเป็นความเสี่ยง ดังนั้นวิธีเลือกดูหุ้นกู้จึงเป็นเรื่องสำคัญ

การลงทุนมีหลายประเภทแต่ในระยะนี้กระแสข่าว "หุ้นกู้" ได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองที่ผลตอบแทน ที่มีอัตราสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก แต่การ "ผิดนัดชำระหนี้" ยังพอมีให้เห็นเป็นระยะ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีข่าวต่อเนื่องจากบริษัทต่างๆ ที่อาจจะผิดนัดชำระหนี้

ดังนัันการเลือก "หุ้นกู้" ถือเป็นเรื่องสำคัญก่อนการตัดสินใจเข้าไปลงทุน ซึ่งนักลงทุนควรทำความเข้าใจศึกษาปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้รอบด้าน เพื่อคัดเลือกหุ้นกู้ที่เหมาะสมกับในการลงทุน

แนวทางการคัดเลือกหุ้นกู้ ประกอบด้วย

การดูอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้หรือของผู้ออกหุ้นกู้ : ซึ่งบริษัทที่เป็นผู้จัดอันดับความน่าเชื่อถือจะมีทีมนักวิเคราะห์และกระบวนการประเมินความเสี่ยงที่รอบด้าน โดยอันดับเครดิตที่อยู่ในระดับสูงจะสะท้อนถึงความมั่นคง และความสามารถในการชำระหนี้ที่ดี ส่วนอันดับเครดิตที่ต่ำลดหลั่นลงมาก็จะมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ

ศึกษาข้อมูลของบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ : แนวโน้มการประกอบธุรกิจ แนวโน้มอุตสาหกรรม เรื่องความน่าเชื่อถือของผู้บริหาร และกลุ่มผู้ถือหุ้นของบริษัทที่ออกหุ้นกู้

พิจารณาระยะเวลาลงทุนให้สอดคล้องกับความต้องการใช้เงิน : ปกติหุ้นกู้ที่มีอายุคงเหลือนาน มักดูจูงใจจากการให้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าหุ้นกู้ที่มีอายุคงเหลือไม่มาก แต่เนื่องจากหุ้นกู้เอกชนไม่ค่อยมีสภาพคล่องในตลาดรอง จึงทำให้นักลงทุนส่วนมากต้องถือครองการลงทุนไปจนครบอายุไถ่ถอน จึงจะได้รับเงินต้นคืน

การกระจายการลงทุน : อย่าทุ่มเงินลงทุนทั้งหมดลงทุนในบริษัทใดบริษัทหนึ่ง หรือลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมใดมากเกินไป เพราะแม้เราจะทำการบ้าน และวิเคราะห์ความเสี่ยงต่างๆ มาอย่างรอบคอบ แต่ภาวะเศรษฐกิจและตลาดการเงินของโลกมีความผันผวนสูง อาจเกิดกรณีที่เราคาดการณ์ไม่ถึงได้เสมอ

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี ระบุว่า ส่วนใหญ่การตัดสินในของนักลงทุนมักเริ่มต้นจากการดูอัตราดอกเบี้ยที่จะได้รับจากหุ้นกู้เป็นหลัก ซึ่งตามหลักการปกติหุ้นกู้ที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูงมักมาพร้อมกับความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งในด้านของอายุตราสารและความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้

โดยการจะพิจารณาว่า “ดอกเบี้ยที่ได้รับมีความคุ้มค่าเหมาะสมหรือไม่” สามารถดูได้จากการเทียบเคียงกับหุ้นกู้อื่นที่มีลักษณะคล้ายกันทั้งในด้านของอายุคงเหลือและอันดับความน่าเชื่อถือ

รวมทั้งสามารถเทียบเคียงดูจากเส้นอัตราผลตอบแทนของหุ้นกู้เอกชน (Corporate Bond Yield Curve) จาก "สมาคมตราสารหนี้ไทย" ได้

อย่างไรก็ตามปัจจุบันบริษัทเอกชนหลายแห่งซึ่งเป็นผู้ออกหุ้นกู้ มีความสนใจอยากกระจายเพิ่มแหล่งระดมทุนใหม่ๆ ไปยังนักลงทุนกลุ่มที่ไม่ใช่สถาบัน ทำให้เราได้เห็นการเสนอขายหุ้นกู้ให้กับนักลงทุนรายบุคคลเพิ่มมากขึ้น

ดังนั้น นักลงทุนสามารถใช้แนวทางดูหุ้นกู้ได้จาก "ผู้จัดการกองทุน" เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนหุ้นกู้ได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น