"หุ้นไทย"สัปดาห์หน้า จับทิศโฟลว์ต่างชาติ-เฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย

30 เม.ย. 2566 | 03:55 น.

บล.กสิกรไทย ประเมินทิศตลาดหุ้นไทย สัปดาห์หน้า ( 1-5 พ.ค.66 ) ดัชนี SET แกว่งกรอบ 1,500-1,555 จุด จับตาผลประชุมเฟด 2-3 พ.ค.เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อหรือไม่ ตัวเลขเงินเฟ้อไทย และฟันด์โฟลว์

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด หรือ KS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า ( 1-5 พ.ค.66 ) ดัชนีหุ้นไทย ( SET Index ) มีแนวรับที่ 1,515 และ 1,500 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,540 และ 1,555 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ 

  • ผลประชุมเฟด ( 2-3 พ.ค.66) 
  • ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนเม.ย.ของไทย 
  • ทิศทางเงินทุนต่างชาติ 
  • ผลประกอบการงวดไตรมาส 1/66 ของบจ.ไทย 

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานเดือนเม.ย. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม ECB ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนเม.ย. (เบื้องต้น) และดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนมี.ค. ของยูโรโซน รวมถึงดัชนี PMI เดือนเม.ย. ของจีน

\"หุ้นไทย\"สัปดาห์หน้า จับทิศโฟลว์ต่างชาติ-เฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย

สำหรับการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา ( 24-28 เม.ย.66 ) ดัชนี SET แกว่งตัวอิงขาลงตลอดสัปดาห์ โดยหุ้นไทยเผชิญแรงขายทำกำไรเกือบตลอดสัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทย หลัง สศค. ปรับลดประมาณการจีดีพีไทยปี 2566 เป็น 3.6% จาก 3.8% ประกอบกับนักลงทุนบางส่วนลดสถานะเสี่ยงก่อนวันหยุดยาวและระหว่างรอผลการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า

โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงมากสุด จากแรงฉุดของหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่ง หลังผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2566 ออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานยังเผชิญแรงกดดันจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ย่อตัวลง 

ในวันศุกร์ (28 เม.ย.66) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,529.12 จุด ลดลง 1.88% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 42,611.43 ล้านบาท ลดลง 17.02% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 3.32% มาปิดที่ระดับ 501.99 จุด

มูลค่าซื้อขายแยกตามกลุ่มนักลงทุน ( 24 - 28 เมษายน 2566 )

  • ต่างชาติขายสุทธิ 3,956.04 ล้านบาท   
  • สถาบันซื้อสุทธิ 2,453.78 ล้านบาท 
  • บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 2,015.61 ล้านบาท  
  • รายย่อย ซื้อสุทธิ 3,517.90 ล้านบาท