ก.ล.ต. ฟัน 5 ราย ปล่อยข่าว PPPM ปรับกว่า 5.15 ล้านบาท

17 มี.ค. 2566 | 11:19 น.

ก.ล.ต. ลงโทษทางแพ่ง 5 ราย กรณีเผยแพร่ข้อความที่อาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดเกี่ยวกับข้อมูล PPPM ปรับ 5.15 ล้านบาท พร้อมสั่งห้ามนั่งตำแหน่งกรรมการ และผู้บริหาร ในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์

รายงานข่าวจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า วันนี้(17 มี.ค. 66) ก.ล.ต. ได้ดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 5 ราย

กรณีเผยแพร่ข้อความที่อาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดเกี่ยวกับข้อมูลของ บริษัท พีพี ไพร์ม จำกัด (มหาชน) PPPM โดยเรียกให้ชำระเงินตามมาตรการลงโทษทางแพ่งรวมเป็นเงิน 5,153,310 บาท และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารกับผู้กระทำความผิด 4 ราย

5 รายที่ ก.ล.ต. ดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่ง

  1. บริษัท พีพี ไพร์ม จำกัด (มหาชน) PPPM 
  2. พลเอกเชาวฤทธิ์ ประภาจิตร์ 
  3. นายประวีณ ดีขจรเดช 
  4. นางสาวภัทชรดา จุฑาประทีป 
  5. นางกนกวัลย์ วรรณบุตร

การดำเนินคดีทางแพ่งกับผู้กระทำผิด 5 ราย สืบเนื่องมาจากทาง ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าในวันที่ 2 สิงหาคม 2562 ทาง PPPM ได้เปิดเผยสารสนเทศผ่านระบบข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า

“จะไม่ผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ลำดับที่ 2 จำนวน 319.50 ล้านบาท ซึ่งครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 2 สิงหาคม 2562 และบริษัทจะชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยภายในวันที่ 7 สิงหาคม 2562 ทั้งที่ ในช่วงเวลานั้น PPPM มิได้มีสภาพคล่องเพียงพอที่จะนำมาชำระหนี้หุ้นกู้ได้ตามที่เปิดเผยสารสนเทศ”

ซึ่งข้อความที่ PPPM เผยแพร่ดังกล่าวอาจทำให้ประชาชน และผู้ลงทุนเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับข้อมูลของ PPPM ที่น่าจะทำให้มีผลกระทบต่อราคาหรือต่อการตัดสินใจลงทุนใน PPPM

ทั้งนี้ในขณะเกิดเหตุ พลเอกเชาวฤทธิ์ ดำรงตำแหน่งเป็น รองประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร นายประวีณดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริหาร นางสาวภัทชรดาดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริษัทและกรรมการบริหาร และนางกนกวัลย์ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริษัทและกรรมการบริหาร

โดยบุคคลทั้ง 4 ราย ทราบข้อเท็จจริงว่า PPPM มิได้มีสภาพคล่องเพียงพอในการชำระหนี้หุ้นกู้จำนวนเงินดังกล่าว รวมทั้งมีส่วนร่วมในการดำเนินการอันนำไปสู่การเปิดเผยสารสนเทศของ PPPM ดังกล่าว

ทั้งนี้การกระทำของ PPPM เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 240 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ) ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 วรรคหนึ่ง และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน

โดยพลเอกเชาวฤทธิ์ นายประวีณ นางสาวภัทชรดา และนางกนกวัลย์ ในฐานะเป็นบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคล สั่งการหรือกระทำการ หรือไม่สั่งการ หรือไม่กระทำการอันเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทำ เป็นเหตุให้ PPPM กระทำความผิดในกรณีข้างต้นจึงต้องรับโทษเดียวกันตามมาตรา 300 ประกอบมาตรา 240 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ

อย่างไรก็ตามคณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดทั้ง 5 ราย โดยให้ผู้กระทำความผิดทั้ง 5 ราย ชำระค่าปรับทางแพ่งและชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด รวมเป็นเงินรายละ 1,030,662 บาท

โดยให้พลเอกเชาวฤทธิ์ นายประวีณ นางสาวภัทชรดา และนางกนกวัลย์ ร่วมรับผิดในมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ดำเนินการกับ PPPM อย่างลูกหนี้ร่วมตามมาตรา 317/11 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ นอกจากนี้ ค.ม.พ. ได้กำหนดมาตรการห้ามพลเอกเชาวฤทธิ์ นายประวีณ นางสาวภัทชรดา และนางกนกวัลย์ เป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ เป็นเวลารายละ 20 เดือน

โดยการกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารดังกล่าวข้างต้น จะมีผลนับตั้งแต่วันที่ผู้กระทำความผิดลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด

หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอม ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติโดยไม่ต่ำกว่าอัตราที่ ค.ม.พ. กำหนด

ทั้งนี้ เงินค่าปรับทางแพ่งเป็นรายได้แผ่นดินที่นำส่งกระทรวงการคลัง ส่วนเงินชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดให้ชำระแก่ สำนักงาน ก.ล.ต.

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม “การดำเนินมาตรการลงโทษทางแพ่ง (Civil Sanctions)” คลิกที่นี่