หุ้นไทย ยังไม่พบจุดกลับตัว คาดแกว่ง 1600-1613 จุด

07 มี.ค. 2566 | 02:29 น.

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ มองแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ ยังไม่พบจุดกลับตัว แม้สัญญาณเทคนิคเข้าสู่ภาวะ Oversold แต่ยังไม่แสดงสัญญาณการกลับตัว ให้แนวรับ 1600 และ 1590 จุด แนวต้านที่ 1613 และ1620 จุด ตามลำดับ

 

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทย วันนี้ ( 7 มี.ค. 66 ) ดัชนี SET ปรับลงมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยกดดัน 1.กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุก 2.ทิศทาง fund flow ไหลออก และ 3.กังวลภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย  ด้านแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1600 และ 1590 จุด ตามลำดับ โดยแม้
สัญญาณเทคนิคเข้าสู่ภาวะ Oversold แต่ยังไม่แสดงสัญญาณการกลับตัว ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1613 และ1620 จุด ตามลำดับ
 

ประเด็นสำคัญ

  • เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือ  Fed มีกำหนดขึ้นแถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสในวันนี้และพรุ่งนี้  เจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ หนุน Fed ขึ้น ด.บ. 0.5% ในการประชุม 21-22 มี.ค. ระบุจะไม่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยขณะที่คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการ Fed และนีล แคชแครี ประธานเฟดสาขามินเนอาโพลิส หนุนให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยขั้นสุดท้ายปีนี้เกินกว่า 5.4% หากเศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง เงินเฟ้อยังไม่ชะลอลง
  • รัฐบาลจีนกำหนดเป้าหมายการขยายตัวของ GDP ในปีนี้อยู่ที่ราว 5%ลดลงจากเป้าหมาย 5.5% ในปีที่แล้ว และตั้งเป้าขาดดุลงบประมาณไว้ที่ 3% ของ GDP ในปีนี้ สูงกว่าปีที่แล้วที่ขาดดุล 2.8%
  • ประชุมบอร์ด กกพ. พรุ่งนี้ พิจารณาค่า Ft งวด พ.ค.-ส.ค. 66 คาดค่า Ftของผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นปรับลงต่ำกว่า 5 บ./หน่วย จากต้นทุนที่ลดลง
  •  BOI เตรียมเสนอบอร์ดฯ มี.ค. นี้ พิจารณาหลายโครงการลงทุนขนาดใหญ หลังจากปี 63-65 ยอดขอรับส่งเสริมลงทุนมูลค่ากว่า 6 แสนลบ.
  • ททท. ระบุยอดจองสิทธิ์เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 วันแรกเกือบ 10 ล้านคน คาดปีนี้คึกคักจากช่วงสงกรานต์ สิทธิ์อาจถูกจองหมดเร็วสร้างสถิติใหม่

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมองดัชนี SET แกว่งตัว Sideways Down โดยตลาดจะกลับไปโฟกัสที่เศรษฐกิจมหภาคมากขึ้น ซึ่งน่าจะยังกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ดอกเบี้ยขาขึ้น รวมทั้งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนแนะนำ “Selective Buy”ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยเน้นรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ดังนี้

1) หุ้นที่น่าสนใจลงทุน หากดัชนี SET หลุด 1600 โดยในแง่พื้นฐานธุรกิจยังแข็งแกร่ง Valuation มี upside น่าสนใจเกิน 20% อีกทั้งราคาหุ้นปรับลงแรง YTD และแย่กว่า SET เลือกหุ้น PTTEP HMPRO CPALL SCGP GULF

2) หุ้นที่คาดผลบวกเชิงจิตวิทยาและอานิสงส์จากเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงเลือกตั้ง เลือกกลุ่มสื่อ BEC MAJOR และกลุ่มค้าปลีก CPN

3) หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี โดยเน้นจ่ายปันผลต่อเนื่อง 20 ปีขึ้นไป คาดให้ Div. Yield (หลังหักจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว) ปี 65 สูงเกิน 4% และปี 66 คาด Div. Yield ดีขึ้นหรือใกล้เคียงเดิม อีกทั้งปี 66 ผลประกอบการยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งราคาหุ้นยังมี Upside เกิน15% เลือก KTB และ AP

ขณะที่ช่วงสั้นหุ้นแนะนำให้เพิ่มความระมัดระวังการลงทุน เนื่องจากมีความเสี่ยงราคาปรับตัวลงหรือ Underperform ตลาด สำหรับ

1) หุ้นที่โดนปรับลดประมาณการกำไรหรือ Downgrade/ราคามี Downside/มีปัจจัยเสี่ยงรออยู่ ได้แก่ AEONTS BEM SAWAD TCAP TIDLOR TLI TTB MST MTC TQM

2) หุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการ 1Q66 คาดยังหดตัวต่อ YoY และ QoQ ได้แก่ GFPT CPF BTS ASP