DELTA ราคาพุ่งแรงสูงกว่าหุ้นแม่ที่ไต้หวัน 3 เท่าตัว เตือนระวังลงทุน

05 ม.ค. 2566 | 03:39 น.

โบรกฯ เตือนระมัดระวังลงทุนหุ้น DELTA หลังราคาปรับขึ้นร้อนแรงกว่า 35% ในช่วง 1 เดือนเศษ สูงกว่า DELTA หุ้นแม่ในไต้หวัน เกือบ 3 เท่าตัว

 

บริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส ( ASPS ) เตือนนักลงทุนให้ระมัดระวังการซื้อขายในหุ้น บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA หลังจากที่ในช่วง 1 เดือนเศษๆ (1 ธ.ค.65 - 4 ม.ค.66) ราคาขยับขึ้นร้อนแรงกว่า 35.7% ส่วนหนึ่งเกิดจากแรงกำไรจากการที่หุ้นเข้าคำนวณใน SET50 และ SET100  รอบ H1/66 ขณะที่หุ้นแม่ในไต้หวันราคาปรับตัวลดลง - 6% 

 

 

DELTA ราคาพุ่งแรงสูงกว่าหุ้นแม่ที่ไต้หวัน 3 เท่าตัว  เตือนระวังลงทุน

 

การขยับขึ้นมาร้อนแรงจน DELTA เป็นหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ซึ่งมี Market Cap สูงถึง 1.14 ล้านล้านบาท ซึ่งมีหลายๆ มุมที่แสดงให้เห็นว่าหุ้นอาจจะขึ้นเร็วและร้อนแรงเกินไปและไม่สอดคล้องกับหุ้นแม่ ทำให้ลงทุนอาจต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น  ด้วยปัจจัยต่าง ๆดังนี้

 

1.ปัจจุบันราคาหุ้น DELTA สูงกว่าหุ้นแม่มากเกินไป ซึ่งแต่ก่อนราคาหุ้น DELTAจะสูงกว่าหุ้นแม่ราว 1 – 1.5 เท่า และการเคลื่อนไหวมักจะมีลักษณะคล้ายๆ กัน ส่วนหนึ่งเกิดจาก Delta Electronics (ไต้หวัน) ถือหุ้น DELTA ถึง 64% ของทุนชำระแล้ว แต่ปัจจุบันราคาหุ้น DELTA สูงกว่าหุ้นแม่เกือบ 3 เท่าไปแล้ว และราคาเริ่มไม่สอดคล้องกันและทิ้งห่างมาในช่วงสั้นๆดังนั้นการลงทุนในช่วงนี้อาจจะต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น

 

2.มุม Valuation หุ้น DELTA แพงกว่าหุ้นแม่มาก ทั้ง Tailing PE ที่สูงถึง 85.9 เท่า (หุ้นแม่ 23.8 เท่า), PBV 22.1 เท่า (หุ้นแม่ 4.1 เท่า) แม้Delta Electronics (ไต้หวัน) และ DELTA จะมีกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันอยู่บ้าง โดย DELTA จะเน้นผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภท High end เป็นหลัก ส่วน Delta Electronics (ไต้หวัน) จะเน้นผลิตสินค้าทั่วไป (Standard product) เป็นหลัก แต่ในมุมValuation DELTA ก็ยังถือว่าแพงในเชิงเปรียบเทียบกับหุ้นแม่

 

DELTA ราคาพุ่งแรงสูงกว่าหุ้นแม่ที่ไต้หวัน 3 เท่าตัว  เตือนระวังลงทุน

 

3.การปรับขึ้นแรงของ DELTA  ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเร่งทำธุรกรรมผ่าน Single Stock Futures สะท้อนได้จากสถานะคงค้างที่เพิ่มขึ้น 126% จาก 488 สัญญามาที่ 1,355 สัญญา (29/12/22 –03/01/23) ทั้งนี้หากประเมินต้นทุนเฉลี่ยของการเปิดสถานะครั้งนี้อยู่ที่ 830 บาทเทียบกับราคาปัจจุบันที่ 912 บาท บน Leverage ของ DELTA ที่ 8.85 เท่า จะได้ผลตอบแทนมากถึง 87% ดังนั้นต้องระวังแรงขายทำกำไรที่เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะในจุดที่ระดับสถานะคงค้างของ DELTA ใกล้จุดสูงเดิมในปี 2564 ที่ 1,292 สัญญา หลังจากนั้นก็เกิดสัญญาณ Take Profit ทำให้ราคาหุ้นปรับลง 22% ในระยะเวลา 2 สัปดาห์

 

ทั้งหมดที่กล่าวมา แม้ DELTA จะมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว แรงเสริมจากการเปิดสถานะฟิวเจอร์ส แต่ราคาหุ้นที่ขยับขึ้นมาเร็วและแรงเกินไปเมื่อเทียบกับหุ้นแม่ในหลายๆ มุมทำให้นักลงทุนที่จะเข้าไปลงทุนในช่วงต่อจากนี้ อาจจะต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้นรวมถึงต้องระวังแรงกดดันที่ส่งผ่านมายังตลาด โดยทุกๆ 1% ของ DELTA ที่ปรับลงจะกดดัน SET และ SET50 ราว 0.85 จุด

 

นักวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองว่า มูลค่าหุ้นปัจจุบันไม่สมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับบริษัทแม่ DELTA Taiwan โดยราคาหุ้น DELTA Thailand ซื้อขายแพงกว่าราคาหุ้น DELTA Taiwan ในเชิงเปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญ


นอกจากนี้ มูลค่าตลาด (Market Capital) ของ DELTA Thailand ที่ 1 ล้านล้านบาท มีมูลค่ามากกว่า Market Capital ของ DELTA Taiwan ที่ 8 แสนล้านบาท แต่ DELTA Thailand มีสัดส่วนคิดเป็นราว 25% ของกำไรของ DELTA Taiwan ทั้งกลุ่ม สะท้อนความไม่สมเหตุสมผลในแง่ของมูลค่าเชิงเปรียบเทียบ ดังนั้นนักลงทุนควรระมัดระวังในการเข้าเก็งกำไรหุ้น DELTA ที่ระดับราคาปัจจุบัน

 

โดยคงประมาณการ แต่ปรับไปใช้ PER ที่ 47 เท่า หรือ +0.25SD จากก่อนหน้าที่ใช้ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 37 เท่า เพื่อสะท้อนความแข็งแกร่งของยอดขายที่ดูเหมือนจะรับมือเศรษฐกิจถดถอยกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาด ส่งผลให้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 610.00 บาทต่อหุ้น

 

ดังนั้นคงคำแนะนำ “ขาย” แม้ในแง่ผลประกอบการระยะสั้นคาดยังเติบโตดีในปี 2566 เพราะได้รับผลกระทบจาก Recession จำกัดกว่ากลุ่ม แต่ Valuation ในปัจจุบันมองว่าเป็นระดับที่สูงผิดปกติ หุ้นอยู่ในโซนที่แพงมากแล้ว เมื่อประกอบกับความเสี่ยงของ Global Recession ที่คาดจะเกิดในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ด้วยระดับราคาที่แพง DELTA มีโอกาสเจอแรงขายได้มากกว่ากลุ่ม หากผลประกอบการทำ ไม่ได้ตามคาดหวัง

 

การเคลื่อนไหวราคาหุ้น DELTA ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรง จนทำจุดสูงสุดไปแล้วเมื่อวันที่ 4 ม.ค.66 ที่ระดับ 990 บาท และปิดในวันเดียวกันที่ 912 บาท ทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดทะยาน 1,137,612.03 ล้านบาท ขึ้นเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในตลาดหุ้นไทยไปเป็นที่เรียบร้อย แซงหน้ายักษ์ใหญ่อย่าง AOT และ PTT ที่ตกไปเป็นอันดับ 2 และ 3 ตามลำดับ

 

 

DELTA ราคาพุ่งแรงสูงกว่าหุ้นแม่ที่ไต้หวัน 3 เท่าตัว  เตือนระวังลงทุน