บล.กสิกรไทย จับทางดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์หน้า 5-9พ.ย.2565

03 ธ.ค. 2565 | 03:36 น.

KBANK จับทางดัชนีหุ้นไทย ศูนย์วิจัยกสิกรไทยแนะติดตาม 5ปัจจัย “ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของไทยเดือนพ.ย. ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ท่าทีต่อมาตรการโควิดของทางการจีน เศรษฐกิจสหรัฐ ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางออสเตรเลีย-แคนาดา และอินเดีย ”

ธนาคารกสิกรไทยมองสัปดาห์หน้าระหว่างวันที่ 5-9ธ.ค.2565 กรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ระดับ 34.40-35.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยระหว่างวันที่ 28 พ.ย.-2ธ.ค.2565 เงินบาทแข็งค่า

 

สอดคล้องกับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่เข้าซื้อสุทธิพันธบัตรและหุ้นไทย 25,269 ล้านบาท และ 4,493 ล้านบาท ตามลำดับ และเมื่อวันศุกร์ที่ 2 ธ.ค. 2565 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.76 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 5 เดือนครึ่งที่ 34.71 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในระหว่างสัปดาห์ เทียบกับระดับ 35.82 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (25 พ.ย.)

 

สำหรับบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด(บล.) มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,630 และ 1,610 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,650 และ 1,660 จุด ตามลำดับโดยเมื่อวันศุกร์ (2 ธ.ค.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,641.63 จุด

 

เพิ่มขึ้น 1.28% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 60,992.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.60% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.01% มาปิดที่ระดับ 582.39 จุด    

ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของไทยในเดือนพ.ย. ทิศทางเงินทุนต่างชาติ   รวมถึงท่าทีต่อมาตรการโควิดของทางการจีน  และตัวเลขเศรษฐกิจเดือนพ.ย. ของจีน อาทิ ตัวเลขการส่งออก ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิต (MPI)ภาคบริการเดือนพ.ย.ของจีน

 

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนต.ค. ดัชนี PMI และ ISM ภาคบริการ และดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนพ.ย.  ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนธ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

 

นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางออสเตรเลีย ธนาคารกลางแคนาดา และธนาคารกลางอินเดีย ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนพ.ย. ของ ยูโรโซนและอังกฤษ